 |
|
มาเลเซียนับเป็นอีกประเทศหนึ่งในอาเซียนซึ่งมีความน่าสนใจในการเข้าไปลงทุน ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่
แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์อันดีกับไทย เศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดย The Economist
Intelligence Unit (EIU) คาดว่าเศรษฐกิจในช่วงปี 2556-2560 มีแนวโน้มขยายตัวเฉลี่ยราวร้อยละ 5 ต่อปี
นอกจากนี้ มาเลเซียยังเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง ด้วยรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีในปี 2555 สูงถึง 10,390 ดอลลาร์
สหรัฐ เทียบกับไทยที่ระดับ 5,480 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะเดียวกันรัฐบาลมาเลเซียยังให้ความสำคัญในการสนับสนุน
ธุรกิจประเภทต่างๆ เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนในการก้าวไปสู่การเป็นประเทศพัฒนาแล้วในอนาคต ส่งผลให้ปัจจุบัน
โอกาสการลงทุนในมาเลเซียยังเปิดกว้าง โดยเฉพาะธุรกิจอาหารฮาลาลและธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งเป็นธุรกิจดาวรุ่งที่มี
ศักยภาพสำหรับนักลงทุนไทย เนื่องจากชาวมุสลิมในมาเลเซียมีสัดส่วนถึงร้อยละ 60 ของประชากรทั้งหมด ขณะที่
มาเลเซียมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมากเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน และเป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมหลายเชื้อชาติทั้ง
มาเลย์ จีน และอินเดียไว้ด้วยกัน ทำให้มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย จากปัจจัยดังกล่าวข้างต้นผู้ประกอบการ
จึงไม่ควรมองข้ามโอกาสการลงทุนในมาเลเซียซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงของไทย
การเข้าไปลงทุนในมาเลเซีย นอกจากผู้ลงทุนควรทราบข้อมูลด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียดรอบคอบ
อาทิ ความต้องการของตลาด หรือกฎระเบียบด้านการลงทุน สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่ควรศึกษาให้เข้าใจอย่าง
ถ่องแท้ก่อนเริ่มต้นดำเนินธุรกิจ คือ ต้นทุนด้านต่างๆ ทั้งนี้ ต้นทุนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในมาเลเซีย มีดังนี้
• ค่าจดทะเบียนบริษัท ก่อนเริ่มดำเนินธุรกิจในมาเลเซีย ผู้ประกอบการต่างชาติต้องติดต่อ Companies
Commission of Malaysia (SSM) เพื่อจดทะเบียนบริษัท โดยมีค่าใช้จ่ายในการจองชื่อบริษัท 30 ริงกิต (ราว
300 บาท) และค่าจดทะเบียนบริษัทตามมูลค่าทุนเรือนหุ้น (Nominal Share Capital) ดังนี้ |
|
|
 |
 |
 |
|
หมายเหตุ : |
* |
อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2556 อยู่ที่ 3.2 ริงกิตต่อดอลลาร์ สหรัฐ และ 9.9 บาทต่อริงกิต |
|
|
ที่มา : |
Malaysian Investment Development Authority (MIDA),
Suruhanjaya Syarikat Malaysia (SSM) |
|
|
 |
|
 |
 |
|
• ภาษีประเภทต่างๆ ที่สำคัญ อาทิ
- ภาษีกำไร (Profit Tax) ผู้ประกอบการท้องถิ่นและผู้ประกอบการต่างชาติต้องแสดงรายได้แก่ Inland
Revenue Board of Malaysia (IRBM) และเสียภาษีกำไรในอัตรา ดังนี้
|
|
|
 |
 |
 |
|
ที่มา : MIDA, กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (กระทรวงพาณิชย์) |
|
|
 |
 |
 |
|
- ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (Personal Income Tax) ชาวต่างชาติที่ทำงานในมาเลเซียต้องเสียภาษี
เงินได้บุคคลธรรมดาในอัตราร้อยละ 26 (ไม่มีสิทธิ์หักค่าลดหย่อนส่วนบุคคล) ขณะที่ชาวมาเลเซียที่มีรายได้ตั้งแต่
16,667 ริงกิตขึ้นไปหลังหักค่าลดหย่อนส่วนบุคคล เสียภาษีดังกล่าวในอัตราร้อยละ 1-26
- ภาษีการขาย (Sales Tax) และภาษีการบริการ (Service Tax) ภาษีการขายอยู่ที่ร้อยละ 5-10
ขณะที่ภาษีการบริการอยู่ที่ร้อยละ 6
- ภาษีสรรพสามิต (Excise Duty) ผู้ประกอบการที่ต้องการนำเข้ายานพาหนะต้องเสียภาษีสรรพสามิต
ในอัตรา ดังนี้ |
|
|
 |
 |
 |
|
 |
 |
 |
|
• ต้นทุนด้านบุคลากร ค่าแรงขั้นต่ำของมาเลเซียอยู่ที่ 900 ริงกิต/เดือน ยกเว้นรัฐ Sabah รัฐ Sarawak
และเกาะ Labuan อยู่ที่ 800 ริงกิต/เดือน
อัตราค่าจ้างแรงงานโดยประมาณจำแนกตามระดับตำแหน่ง อาทิ |
|
|
 |
 |
 |
|
 |
 |
 |
|
ในการจ้างงานผู้ประกอบการต้องปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานของมาเลเซียอย่างเคร่งครัด โดยกฎหมาย
ดังกล่าวกำหนดให้ลูกจ้างมีจำนวนชั่วโมงการทำงานไม่เกิน 8 ชั่วโมง/วัน หรือ 48 ชั่วโมง/สัปดาห์ นอกจากนี้
ผู้ประกอบการต้องให้สิทธิ์ขั้นต่ำในการหยุดงานแก่ลูกจ้าง อาทิ |
|
|
 |
 |
 |
|
 |
 |
 |
|
• ต้นทุนด้านพื้นที่ ค่าเช่าสำนักงานจำแนกตามพื้นที่ อาทิ |
|
|
 |
 |
 |
|
หมายเหตุ : |
** ไม่รวมค่าเช่าสำนักงานที่ตึก Petronas Twin Towers
|
|
|
ที่มา : |
MIDA |
|
|
 |
|
 |
 |