 |
|
การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนส่งผลให้เศรษฐกิจทุกภาคส่วน รวมถึงภาคค้าปลีกขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกันบทบาทของอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้นทำให้เกิดรูปแบบการค้าปลีกผ่านอินเทอร์เน็ตหรือตลาดค้าปลีก
ออนไลน์ (E-tailing Market) โดยในปี 2555 ตลาดค้าปลีกออนไลน์ของจีนมีมูลค่ามากกว่า 190 พันล้านดอลลาร์
สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 5-6 ของมูลค่าภาคค้าปลีกทั้งหมดของจีน ซึ่งแม้ยังต่ำกว่ามูลค่าตลาดค้าปลีกออนไลน์ของ
สหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดออนไลน์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกที่ 220-230 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ด้วยอัตราการขยายตัว
ของตลาดค้าปลีกออนไลน์ของจีนที่โดดเด่นถึงร้อยละ 120 ระหว่างปี 2546-2554 เมื่อเทียบกับสหรัฐฯ ที่ขยายตัว
เพียงร้อยละ 17 ทำให้จีนมีโอกาสจะขึ้นครองตำแหน่งตลาดค้าปลีกออนไลน์ใหญ่ที่สุดในโลกในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
โดยในปี 2563 คาดว่ามูลค่าตลาดค้าปลีกออนไลน์ของจีนอาจเพิ่มขึ้นเป็น 420-650 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้
ปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมการเติบโตของตลาดค้าปลีกออนไลน์ในจีน มีดังนี้
• การขยายตัวของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต (Internet Users) จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตของจีนเพิ่มขึ้นอย่าง
ต่อเนื่อง จาก 111 ล้านคน หรือร้อยละ 8.5 ของประชากรทั้งประเทศในปี 2548 เป็นราว 564 ล้านคน หรือร้อยละ
42 ในปี 2555 จากประชากรจีนทั้งหมดกว่า 1,300 ล้านคน และยังคงมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบการ
จึงมีโอกาสในการกระจายสินค้าไปสู่ผู้บริโภคผ่านทาง E-tailing มากขึ้น
• การขยายตัวของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือ จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือใน
ประเทศจีนมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดในปี 2555 มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือสูงถึง 420 ล้าน
คน คิดเป็นร้อยละ 74.5 ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหมดในจีน โดยในแต่ละวันชาวจีนแต่ละคนใช้อินเทอร์เน็ตผ่าน
โทรศัพท์มือถือเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 100 นาที แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคมีโอกาสเลือกซื้อสินค้าได้ โดยปราศจากข้อจำกัด
ทั้งด้านสถานที่และเวลา ทั้งนี้ ตลาดค้าปลีกออนไลน์ผ่านโทรศัพท์มือถือของจีนในปี 2555 มีมูลค่า 55.5 ล้าน
ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 136.5 จากปี 2554
• ความต้องการสินค้าฟุ่มเฟือยและสินค้ากึ่งจำเป็นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ตามแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของ
ครัวเรือนที่มีรายได้ค่อนข้างสูง (ครัวเรือนที่มีรายได้ต่อครัวเรือนมากกว่า 16,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี) โดยคาดว่า
ค่าใช้จ่ายในสินค้าฟุ่มเฟือยจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 33 ของค่าใช้จ่ายในครัวเรือนทั้งหมดในปี 2553 เป็น
ร้อยละ 43 ในปี 2563 ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งเสริมการเติบโตของการซื้อขายสินค้าออนไลน์ เนื่องจากสินค้าฟุ่มเฟือย
และสินค้ากึ่งจำเป็นนี้เป็นกลุ่มสินค้าที่ได้รับความนิยมในการซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์ เห็นได้จากรายงานของ
McKinsey Global Institute ที่ระบุว่า สินค้ากลุ่มที่มีการซื้อผ่านช่องทางออนไลน์เป็นสัดส่วนสูงที่สุดในปี 2554 คือ
เครื่องแต่งกาย มีสัดส่วนร้อยละ 35 รองลงมาคือ สินค้าสำหรับนันทนาการและการศึกษา (Recreation and
Education) อาทิ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซีดี หนังสือ ร้อยละ 20 และเครื่องใช้ในครัวเรือน (Household
Products) อาทิ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องครัว ร้อยละ 15 ซึ่งสินค้าฟุ่มเฟือยและสินค้ากึ่งจำเป็นทั้ง 3 กลุ่มนี้ มีสัดส่วน
รวมกันถึงร้อยละ 70 ของมูลค่าการซื้อสินค้าออนไลน์ทั้งหมด
|
|
|
 |
 |
|
จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตและสัดส่วนต่อประชากรทั้งหมดของจีน |
|
|
 |
|
ที่มา : |
CNNIC Statistical Survey on Internet Development in
China, January 2013 |
|
|
 |
 |
 |
 |
|
จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือ
และสัดส่วนต่อผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหมดของจีน
|
|
|
 |
|
ที่มา : |
CNNIC Statistical Survey on Internet Development in
China, January 2013 |
|
 |
 |
 |
 |
|
สัดส่วนของสินค้าที่ผู้บริโภคซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ |
|
|
 |
|
ที่มา : McKinsey Global Institute Analysis |
|
|
 |
 |
 |
|
• ข้อเสนอที่ดีกว่าและความหลากหลายของสินค้าในตลาดออนไลน์ โดยเฉลี่ยราคาสินค้าออนไลน์
จะต่ำกว่าราคาหน้าร้านราวร้อยละ 6-16 เนื่องจากมีต้นทุนการทำตลาดที่ต่ำกว่า นอกจากนี้ ร้านค้าออนไลน์ยังมี
การนำเสนอสินค้าและบริการที่หลากหลาย และมักออกโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดลูกค้า ทำให้ผู้บริโภคมีแนวโน้มหันมา
ซื้อสินค้าออนไลน์เพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ความนิยมในการใช้อินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้นช่วยเพิ่มโอกาสการทำตลาดค้าปลีกออนไลน์
แต่ก็มีส่วนทำให้การแข่งขันรุนแรงขึ้นด้วย เนื่องจากผู้บริโภคสามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าได้รอบด้านทั้งลักษณะ
คุณภาพ และราคา ผู้ผลิตและผู้ส่งออกสินค้าไทยจึงควรคำนึงถึงความแตกต่างของสินค้า เพื่อสร้างจุดขายที่ชัดเจน
จากสินค้าที่วางขายในตลาด ทั้งในด้านคุณภาพและการออกแบบที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่าง
แท้จริง เพราะชาวจีนมีแนวโน้มที่จะคำนึงถึงคุณสมบัติและความน่าสนใจของสินค้ามากขึ้น นอกเหนือจากปัจจัย
ด้านราคา
พฤติกรรมการซื้อสินค้าของชาวจีน และกลุ่มสินค้าที่มีศักยภาพ
• สินค้าที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัย จากปัญหาด้านความปลอดภัยทางอาหาร สินค้าไม่มีคุณภาพ
และสินค้าลอกเลียนแบบในจีน ทำให้ผู้บริโภคตระหนักถึงความปลอดภัยในการซื้อสินค้ามากยิ่งขึ้น โดยยินดีซื้อ
สินค้าที่มั่นใจว่ามีคุณภาพดีในราคาที่สูงกว่า โดยเฉพาะอาหาร ล่าสุดเว็บไซต์ www.yihaodian.com ซูเปอร์มาร์เก็ต
ออนไลน์แห่งแรกของจีนระบุว่า ในปี 2555 ยอดขายปลีกของเว็บไซต์เติบโตอย่างรวดเร็ว และมีลูกค้าราว 30 ล้าน
คนโดยสินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ อาหารนำเข้าจากต่างประเทศ
• สินค้าสำหรับผู้สูงอายุ ปัจจุบันประชากรจีนที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปมีสัดส่วนราวร้อยละ 13.3 ของ
ประชากรทั้งหมด และมีประชากรอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปราว 1.3 ล้านคนที่ซื้อสินค้าออนไลน์ โดยเฉพาะเสื้อผ้าผู้หญิง
ที่สูงถึง 8.59 ล้านชิ้นในปี 2555 และยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ผู้สูงอายุชาวจีนในปัจจุบัน
ยังมีแผนในการใช้จ่ายเงินเพิ่มขึ้นเพื่อความสุขในช่วงชีวิตหลังเกษียณ เช่น มักจะหาประสบการณ์ให้กับชีวิตโดย
การท่องเที่ยว หรือมองหาผลิตภัณฑ์ที่เอื้อต่อการใช้ชีวิตของตนเอง อาทิ ร่มไม้เท้า กรรไกรตัดเล็บที่มาพร้อมกับ
เลนส์ขยาย |
|
|
|
วันที่ 11 พฤศจิกายน (11/11)
ถือเป็นวันเทศกาลคนโสด
(Singles’ Day) ของจีน ที่
หนุ่มโสด-สาวโสดจะมีงานเลี้ยง
สังสรรค์ และเป็นเทศกาลที่
ร้านค้าต่างๆ จะจัดโปรโมชั่น
ในการชอปปิงเพื่อดึงดูดลูกค้า
โดยล่าสุดในปี 2555 เว็บไซต์
T-Mall และ Taobao ซึ่งเป็น
เว็บไซต์ E-tailing ชั้นนำของ
จีน มียอดขายในวันเทศกาล
คนโสดรวมกันถึง 19.1
พันล้านหยวน (ราว 3 พันล้าน
ดอลลาร์สหรัฐ) หรือราว 3
เท่าตัวของยอดขายสินค้า
ออนไลน์ในวัน Black Friday
ของสหรัฐฯ |
|
|
• สินค้าสำหรับคนโสด จำนวนชายโสดและหญิงโสดในจีนมีแนวโน้ม
เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคนโสดเหล่านี้มักมีพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยสินค้า
ที่ตนต้องการในทันที เนื่องจากไม่ต้องคำนึงถึงภาระครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบ จึง
มีแนวโน้มที่จะมองหาสินค้าและบริการที่เหมาะสำหรับ 1 คน อาทิ หม้อหุงข้าว
ขนาดเล็กสำหรับ 1 คน เครื่องชงกาแฟสำหรับ 1 คน แพ็กเกจทัวร์สำหรับ 1 คน
นอกจากนี้ ยังมีความนิยมในการหาเพื่อนผ่านทาง Social Network ต่างๆ อาทิ
WeChat และ Momo อีกด้วย
• สินค้าและบริการสำหรับเด็ก ผู้ปกครองจีนมีการใช้จ่ายสำหรับบุตร
เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะด้านการศึกษาทั้งในและนอกห้องเรียน จากผล
สำรวจของ CCTV 2011-2012 Survey of Economic Life ระบุว่า การใช้จ่าย
สำหรับการศึกษาของเด็กมีสัดส่วนเกือบครึ่งของค่าใช้จ่ายทั้งหมดของครัวเรือน
โดยมีสัดส่วนร้อยละ 46 ในปี 2554 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี
นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายสำหรับเสื้อผ้า ตลอดจนสินค้าและบริการนันทนาการสำหรับ
เด็กก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นกัน
• การบริโภคตามกระแสนิยม ชาวจีนบางส่วนมีแนวโน้มที่จะเลือกซื้อ
สินค้าโดยคำนึงถึงแบรนด์สินค้า หรือภาพลักษณ์ของตนเองเมื่อใช้สินค้าหรือ
บริการชนิดนั้นๆ มากกว่าความจำเป็นและความคุ้มค่า อาทิ พฤติกรรมในการ |
|
|
|
|
ถ่ายรูปอาหารเพื่อแชร์ลง Social Network แทนการรับประทานทันทีเมื่ออาหารมาเสิร์ฟ การใช้กล้อง Single-Lens
Reflex (SLR) เพื่อบ่งบอกถึงความมีรสนิยมของตน
• ชาวจีนซื้อเสื้อผ้าตามฤดูกาลและซื้อเพื่อทดแทนตัวเก่าเป็นหลัก เครื่องแต่งกายเป็นสินค้าที่มีการซื้อ
ออนไลน์มากที่สุดถึงร้อยละ 35 ของการซื้อสินค้าออนไลน์ทั้งหมดในจีน ทั้งนี้ ผู้บริโภคชาวจีนส่วนใหญ่จะซื้อ
เสื้อผ้าใหม่เมื่อฤดูเปลี่ยนหรือซื้อเพื่อทดแทนตัวเก่า ถัดมาจึงพิจารณาถึงโปรโมชั่นและการลดราคา และซื้อตาม
เทรนด์แฟชั่น ตามลำดับ
• ตลาดสินค้าเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) ตลาดออนไลน์เป็นช่องทางที่สำคัญสำหรับผู้บริโภคสินค้า
เฉพาะกลุ่ม รวมถึงสินค้าหายาก เป็นที่น่าสังเกตว่าผู้บริโภคสินค้ากลุ่มนี้มักเลือกซื้อสินค้าโดยใช้อารมณ์เป็นปัจจัย
หลักในการตัดสินใจซื้อ มากกว่าการคำนึงถึงปัจจัยด้านราคา ทำให้สินค้ากลุ่มนี้มีราคาสูงกว่าสินค้าทั่วไปที่มี
คุณสมบัติเช่นเดียวกันหรือคล้ายคลึงกัน ทั้งนี้ ผู้บริโภคที่อาศัยอยู่ในกลุ่มเมืองที่มีระดับรายได้และการพัฒนาทาง
เศรษฐกิจในระดับรองเป็นกลุ่มที่มีความต้องการซื้อสินค้าจำพวก Niche Market เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น
จากแนวโน้มและพฤติกรรมการซื้อสินค้าของชาวจีนดังที่กล่าวมา แสดงให้เห็นว่า นับวันผู้บริโภคชาวจีนยิ่ง
มีความต้องการสินค้าในรูปแบบที่แตกต่างหลากหลายมากขึ้นและมองหาสินค้าที่เหมาะสมสำหรับตนเองอยู่เสมอ
ตลาดค้าปลีกออนไลน์จึงเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าได้อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะสินค้า
ที่มีคุณสมบัติเฉพาะ ดังนั้น ตลาดค้าปลีกออนไลน์ในจีนจึงเป็นช่องทางหนึ่งที่น่าสนใจมากสำหรับผู้ประกอบการไทย
ในการขยายตลาดสินค้าในจีน |
|
|
|