ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK นําคณะผู้บริหารและพนักงาน EXIM BANK ถวายพระพรชัยมงคลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 12 สิงหาคม 2567 เพื่อแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้
 
            นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นองค์ปาฐกพิเศษ ในงานเดลินิวส์ ทอล์ก 2024 “Thailand : Future and Beyond…ก้าวต่อไปของประเทศไทย” จัดโดยหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ โดยมีนายปารเมศ เหตระกูล กรรมการบริหาร หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ และเดลินิวส์ออนไลน์ และผู้บริหารเดลินิวส์ให้การต้อนรับ พร้อมด้วย ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK และผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ร่วมเป็นวิทยากรบรรยายหัวข้อ “ฝ่าลมต้านเศรษฐกิจ...สู่การเติบโตที่ยั่งยืน” ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้

          กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ร่วมเป็นวิทยากรแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับทิศทางการค้าโลกและโอกาสของผู้ประกอบการไทยในตลาดโลก รวมทั้งความเสี่ยงทางการค้าที่อาจได้รับผลกระทบจากสงครามการค้ารอบใหม่จากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปลายปีนี้ ผู้ประกอบการไทยควรรุกตลาดใหม่ เช่น อินเดีย แอฟริกา กลุ่มประเทศ CLMV ที่ยังมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง โดย EXIM BANK แนะให้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs เร่งปรับตัวรับมือมาตรการทางการค้าด้านสิ่งแวดล้อมทั่วโลกที่มีราว 20,000 มาตรการ ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น อาจส่งผลให้เสียเปรียบด้านขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยผู้ประกอบการไทยต้องเพิ่มการส่งออกสินค้ารักษ์โลกให้มากขึ้นจากปัจจุบันมีสัดส่วน 7% ของการส่งออกรวม เสริมสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจที่ขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน
 
            ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมแสดงความยินดีกับนายบัณฑิต สะเพียรชัย ประธานกรรมการบริหาร EXIM BANK ดร.วโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล ประธานกรรมการกำกับความเสี่ยง EXIM BANK และ ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK พร้อมด้วยนายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) นางสาวปภากร รัตนเศรษฐ รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กลุ่มลงทุนและบริหารการเงิน นายโกสินทร์ พึงโสภณ ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสภาคการเงิน ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) และผู้แทนกลุ่มนักลงทุนและลูกค้า EXIM BANK ในงานแถลงข่าวความสำเร็จการออกพันธบัตรเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (ทรัพยากรทางทะเล) (Blue Bond) โดยมีธนาคารกรุงศรีอยุธยาและธนาคารออมสินเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย นับเป็นครั้งแรกที่สถาบันการเงินไทยออก Blue Bond สกุลบาท อายุ 3 ปี วงเงินรวม 3,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.78% ต่อปี ภายใต้ Sustainable Finance Framework ซึ่ง ADB เป็นที่ปรึกษาการจัดทำ และให้การรับรองการออก Blue Bond โดย DNV (Thailand) Co., Ltd. ซึ่งเป็นองค์กรรับรองมาตรฐานชั้นนำระดับโลก และได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ AAA จาก Fitch Ratings สะท้อนถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและมั่นคงของ EXIM BANK เพื่อระดมทุนไปใช้สนับสนุนสินเชื่อของธนาคารให้แก่ธุรกิจที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่ง ตอบสนองวิสัยทัศน์ประเทศไทย “IGNITE THAILAND” และนโยบายรัฐบาลในการขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้

          รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า วิกฤตด้านสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทวีความรุนแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้นานาประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยตระหนักถึงความจำเป็นในการแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม มีหมุดหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2608 โดยให้ความสำคัญและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมครบทุกมิติ รวมถึงทรัพยากรทางทะเลซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของสิ่งมีชีวิตและทรัพยากรที่หลากหลาย ตลอดจนเป็นแหล่งผลิตออกซิเจนสำคัญของโลก การเดินหน้าสู่เศรษฐกิจสีเขียวจึงไม่อาจมองข้ามการพัฒนาเศรษฐกิจสีน้ำเงิน (Blue Economy) ได้ เพื่อดำรงรักษาที่อยู่อาศัยของประชากรโลกกว่า 3,000 ล้านคน สร้างการจ้างงานมากถึง 820 ล้านคนในอุตสาหกรรมประมงและที่เกี่ยวเนื่อง ขณะที่ 80% ของปริมาณการค้าโลกเป็นการขนส่งทางทะเล UNCTAD จึงประเมินค่า Blue Economy ของโลกอยู่ที่ราว 2.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ World Economic Forum คาดการณ์ว่า โลกจะบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากมหาสมุทร ทะเลและทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน (SGD ที่ 14) ได้ต้องใช้เงินลงทุนด้าน Blue Finance มากถึงราว 175,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี แต่ในช่วงปี 2558-2562 มีเงินลงทุนจริงไม่ถึง 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี นั่นหมายถึงยังมี GAP อีกมากถึงเกือบ 165,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี

          ดร.เผ่าภูมิกล่าวว่า ข้อมูลจาก ADB ระบุว่า ประเทศไทยมีมูลค่าเศรษฐกิจทางทะเลและที่เกี่ยวเนื่องมากถึง 30% ของ GDP
ครอบคลุมในหลายอุตสาหกรรม คิดเป็นสัดส่วนการจ้างงานถึง 26% ของการจ้างงานรวม รัฐบาลจึงให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์
และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืนมาโดยตลอดผ่านการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การออก Blue Bond ของ EXIM BANK ในครั้งนี้นับเป็นนวัตกรรมทางการเงินสีเขียวที่ช่วยเติมเต็มเศรษฐกิจสีเขียว ผนวกกับเศรษฐกิจสีน้ำเงิน เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่กับการดูแลรักษาระบบนิเวศอย่างยั่งยืน นำไปสู่การพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมทั้งบนผืนดินและมหาสมุทรอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ประเทศไทย “IGNITE THAILAND” โดยความร่วมมือระหว่างสถาบันการเงินเพื่อพัฒนาประเทศไทยเป็น Financial Hub เพื่อความยั่งยืน

          ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า EXIM BANK ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐภายใต้
การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง ยังคงเดินหน้าสู่บทบาท Green Development Bank เสริมสร้างระบบนิเวศของภาคการค้าและ
การลงทุนระหว่างประเทศของไทยให้ตอบโจทย์การเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำตลอด Supply Chain ครอบคลุมเศรษฐกิจทางทะเลและชายฝั่ง รวมถึงระบบนิเวศที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำและการพัฒนา
อย่างยั่งยืน EXIM BANK ได้ออกพันธบัตรเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันเป็นจำนวนรวม 11,500 ล้านบาท
ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา โดย Blue Bond ที่ EXIM BANK เสนอขายวงเงินรวม 3,000 ล้านบาทได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักลงทุน
สถาบันและนักลงทุนรายใหญ่จนสามารถเสนอขายได้เต็มจำนวนวงเงิน มียอดจองซื้อสูงถึง 2.5 เท่าของวงเงินที่เสนอขาย การระดมทุน
ในครั้งนี้จะนำไปส่งเสริมและสนับสนุนแก่ภาคธุรกิจและผู้ประกอบการที่ให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมทางทะเลและ
ชายฝั่งอย่างยั่งยืน อาทิ ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวทางทะเล การประมง รวมถึงการเพาะเลี้ยงพืชและสัตว์น้ำ การจัดการและบำบัดน้ำเสีย การรีไซเคิลขยะจากทะเล และพาณิชยนาวี เป็นต้น

          นอกจากนี้ EXIM BANK ยังพัฒนาเครื่องมือทางการเงินใหม่ ๆ อาทิ สินเชื่อเพื่อธุรกิจเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรทางทะเล (Blue Economy) ภายใต้แนวทาง Sustainability Linked Loan (SLL) ประกอบด้วยสินเชื่อหมุนเวียนและสินเชื่อระยะยาวสำหรับผู้ประกอบการทุกขนาดธุรกิจ อัตราดอกเบี้ยต่ำสุด 3.85% ต่อปี วงเงินอนุมัติสูงสุด 200 ล้านบาท ทั้งนี้ EXIM BANK มีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนจากราว 37% ในปัจจุบัน เป็น 50% ของพอร์ตสินเชื่อทั้งหมดภายในปี 2570

          “Blue Bond ครั้งนี้มิใช่เพียงเครื่องมือทางการเงิน แต่เป็นกลไกความร่วมมือและความมุ่งมั่นของ EXIM BANK ร่วมกับกระทรวงการคลัง ตลอดจนหน่วยงานพันธมิตรจากภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติจากผืนดินสู่มหาสมุทร ร่วมกันแก้ไขปัญหาโลกเดือด และสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อสร้างโลกที่น่าอยู่ขึ้นสำหรับพวกเราทุกคน” ดร.รักษ์ กล่าว
 
            ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมแสดงความยินดีกับนายบัณฑิต สะเพียรชัย ประธานกรรมการบริหาร EXIM BANK ดร.วโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล ประธานกรรมการกำกับความเสี่ยง EXIM BANK และ ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK พร้อมด้วยนายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) นางสาวปภากร รัตนเศรษฐ รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กลุ่มลงทุนและบริหารการเงิน นายโกสินทร์ พึงโสภณ ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสภาคการเงิน ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) และผู้แทนกลุ่มนักลงทุนและลูกค้า EXIM BANK ในงานแถลงข่าวความสำเร็จการออกพันธบัตรเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (ทรัพยากรทางทะเล) (Blue Bond) ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้

          การออกพันธบัตรในครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่สถาบันการเงินไทยออก Blue Bond สกุลบาท อายุ 3 ปี วงเงินรวม 3,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.78% ต่อปี ภายใต้ Sustainable Finance Framework ซึ่ง ADB เป็นที่ปรึกษาการจัดทำ และให้การรับรองการออก Blue Bond โดย DNV (Thailand) Co., Ltd. ซึ่งเป็นองค์กรรับรองมาตรฐานชั้นนำระดับโลก และได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ AAA จาก Fitch Ratings สะท้อนถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและมั่นคงของ EXIM BANK เพื่อระดมทุนไปใช้สนับสนุนสินเชื่อของธนาคารให้แก่ธุรกิจที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่ง ตอบสนองวิสัยทัศน์ประเทศไทย “IGNITE THAILAND” และนโยบายรัฐบาลในการขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

 
            EXIM BANK และ ibank ใช้จุดแข็งและบทบาทสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐทำหน้าที่ “มากกว่าธนาคาร” ผนึกกำลังหน่วยงานพันธมิตรภาครัฐ ภาคเอกชน ขยายความร่วมมือเพื่อยกระดับระบบนิเวศของอุตสาหกรรมฮาลาลไทยในทุกมิติ ภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “โครงการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการสินค้าฮาลาลสู่การส่งออก” ที่จะขับเคลื่อนการเติบโตของการส่งออกอุตสาหรรมฮาลาลไทยในปีนี้

          ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ดร.ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการและผู้จัดการ ibank พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย นายสมัย เจริญช่าง กรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยและประธานคณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร นายไพศาล พรหมยงค์ กรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยและประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสมุทรปราการ นางศิริเพ็ญ เกียรติเฟื่องฟู รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์อุตสาหกรรมฮาลาลไทย นางนิตยา พิระภัทรุ่งสุริยา ที่ปรึกษาสถาบันอาหาร นายพิตรพิบูล ธีร์จันทึก ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ผศ.ดร.อัสมัน แตอาลี ผู้อำนวยการสถาบันฮาลาล มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “โครงการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการสินค้าฮาลาลสู่การส่งออก” โดยมีผู้แทนจุฬาราชมนตรี นายประสิทธิ์ มะหะหมัด เลขานุการจุฬาราชมนตรี ร่วมเป็นสักขีพยาน เพื่อส่งเสริมศักยภาพและสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ไทยให้สามารถส่งออกสินค้าฮาลาลไปยังตลาดต่างประเทศได้ ผ่านการบูรณาการความร่วมมือในการส่งเสริมและพัฒนาองค์ความรู้ทางวิชาการด้านฮาลาล ทิศทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศในโลกยุคใหม่ การเข้าถึงการขอเครื่องหมายรับรองมาตรฐานฮาลาล การขยายโอกาสทางการค้าผ่านกิจกรรมจับคู่ธุรกิจและการออกงานแสดงสินค้าในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและเครื่องมือทางการเงินเพื่อเสริมศักยภาพของธุรกิจและการบริหารความเสี่ยงทางการค้าและการลงทุน
ระหว่างประเทศ ณ โรงแรมอัล มีรอซ กรุงเทพฯ เมื่อวันเร็ว ๆ นี้

          ดร.ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการและผู้จัดการ ibank เปิดเผยว่า ในช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ พ.ศ.2555 ถึง 2565 มีรายงานการเติบโตของการใช้จ่ายผู้บริโภคจากตลาดฮาลาลเพิ่มสูงขึ้นกว่า 40% จาก 1.62 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ไปถึง 2.29 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งการเติบโตนี้เกิดจากแรงผลักดันของการขยายประชากรมุสลิมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยวันนี้มีเกือบ 2,000 ล้านคนทั่วโลก โดยกลุ่มบริษัทระดับโลก ตั้งแต่ BRF บริษัทอาหารยักษ์ใหญ่ของโลก เนสท์เล่ ไปจนถึง Nike ลงทุนและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์ตลาดฮาลาล นอกจากนี้สถาบันเพื่อการพัฒนาในกลุ่ม OIC ได้แก่ The Islamic Development Bank (ISDB) หรือ The Islamic Centre for Development of Trade (ICDT) พร้อมด้วยหน่วยงานสำคัญขององค์กรสหประชาชาติ เช่น UNHCR รวมถึง World Bank ก็ให้ความสนใจกับการเงินอิสลามในมิติด้านสังคม ประเทศไทย โดยรัฐบาลก็เล็งเห็นการขยายตัวของตลาดฮาลาลโลก ซึ่งจะเป็นโอกาสสำคัญของอุตสาหกรรมฮาลาลไทย จึงทำให้มีแนวคิดจัดตั้งหน่วยงานหรือคณะทำงานต่าง ๆ ขึ้นเพื่อขับเคลื่อนนโยบายพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลของประเทศเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทย โดยในวันนี้ ibank และ EXIM BANK ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานด้านฮาลาลครอบคลุมทุกภาคส่วนของประเทศ เพื่อตกลงร่วมกันผลักดันส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการสินค้าฮาลาลไทยสู่ตลาดโลก และจากบทบาทของ ibank ภายใต้ความร่วมมือนี้ ibank ถือเป็นหนึ่งในระบบนิเวศฮาลาลที่สำคัญ การเป็นสถาบันการเงินที่ฮาลาลกลายเป็นหนึ่งกลไกสำคัญที่ต้องรับผิดชอบต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลไทย ด้วยการเป็นที่พึ่งของแหล่งเงินทุนที่ฮาลาลตั้งแต่ต้นน้ำ เพื่อจะไปหล่อเลี้ยง เกื้อกูล ธุรกิจฮาลาล
ต่าง ๆ ให้เติบโตสู่เป้าหมายประเทศต่อไป

          ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า ตลาดสินค้าฮาลาลได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นไม่จำกัดเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคชาวมุสลิม แต่ยังขยายวงกว้างไปสู่กลุ่มผู้บริโภคอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ชาวมุสลิมด้วย นับเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยโอกาสอีกมากสำหรับผู้ประกอบการทั่วโลกรวมทั้งไทย โดยไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารฮาลาลรายใหญ่อันดับที่ 15 ของโลกและเป็นจุดหมายท่องเที่ยวอันดับ 4 ของนักท่องเที่ยวชาวมุสลิมทั่วโลก (ในกลุ่มประเทศ Non-OIC) ที่สนใจสินค้าอาหารและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของไทยเป็นอย่างมาก ขณะที่ผู้ส่งออกอาหารฮาลาลรายใหญ่ของโลกที่ส่งออกไปกลุ่มองค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC) ได้แก่ บราซิล อินเดีย สหรัฐฯ รัสเซีย และอินโดนีเซีย ส่วนผู้นำเข้าอาหารฮาลาลในกลุ่ม OIC รายใหญ่ของโลก ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ตุรกี ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ผู้ประกอบการไทยจึงควรยกระดับการพัฒนาสินค้าฮาลาล โดยเฉพาะอาหาร ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพและอัตลักษณ์ที่โดดเด่นเป็นที่นิยมระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นอาหารฮาลาลโดยธรรมชาติ (Natural Halal) เช่น ผัก ผลไม้ หรืออาหารที่ได้รับการรับรองตามหลักศาสนาอิสลามว่าชาวมุสลิมสามารถบริโภคได้ (Halal by Certification) ซึ่งจะได้รับการยอมรับในระดับสากลถึงความสะอาด ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์และเลือดสัตว์ถูกต้องตามหลักศาสนา และไม่ทารุณสัตว์ เป็นต้น EXIM BANK จึงพร้อมสานพลังกับหน่วยงานพันธมิตร สร้างผู้ส่งออกสินค้าฮาลาลของไทยที่แข่งขันได้ในตลาดโลก ผ่านการเติมความรู้ เติมโอกาส และเติมเงินทุน รวมถึงเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยบริหารจัดการความเสี่ยงด้านการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ ทั้งนี้ EXIM BANK จัดให้มีสิทธิพิเศษด้านประกันการส่งออกให้แก่ลูกค้าของ ibank ที่เป็นชาวมุสลิม และสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการไทยทั่วไปที่ต้องการเงินทุนจาก EXIM BANK เพื่อเริ่มต้นส่งออกสินค้าฮาลาลหรือขยายธุรกิจอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในอัตราพิเศษ เพื่อสร้างนักรบเศรษฐกิจไทยในตลาดโลกและยกระดับสินค้าอาหารไทยสู่สากล สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมอุตสาหกรรมฮาลาลสู่ ASEAN Halal Hub ภายในปี 2571

          ภายใต้ความร่วมมือนี้ EXIM BANK ibank และหน่วยงานพันธมิตรรวม 14 หน่วยงาน โดย 9 หน่วยงานลงนามในวันนี้ และอีก 5 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สงขลา และสตูล จะร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “โครงการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการสินค้าฮาลาลสู่การส่งออก” ภายในงาน WORLD HAPEX 2024 จังหวัดสงขลา ทุกหน่วยงานมีบทบาทในการเป็น Business Partner เคียงข้างผู้ประกอบการสินค้าฮาลาลตลอดวงจรธุรกิจ เพื่อติดอาวุธผู้ประกอบการไทยให้พร้อมออกไปแข่งขันในตลาดสินค้าฮาลาลได้อย่างประสบความสำเร็จ โดยมุ่งหวังว่า “โครงการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการสินค้าฮาลาลสู่การส่งออก” จะสร้างชุมชนนักธุรกิจระหว่างประเทศระดับแนวหน้า โดยยกระดับศักยภาพของนักธุรกิจ และการสร้าง Network ระหว่างพันธมิตร สามารถต่อยอดธุรกิจ องค์ความรู้ ประสบการณ์ และพัฒนาช่องทางการส่งออกสินค้าฮาลาลจากโครงการนี้ พร้อมเติบโตเป็นนักรบเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง เพื่อเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของภาคการส่งออกและการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมของไทย

          ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ สามารถสมัครขอรับบริการด้านสินเชื่อเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนหรือขยายการลงทุนจาก EXIM BANK สำหรับ SMEs ที่เป็นผู้ส่งออกและผู้ผลิตเพื่อผู้ส่งออก ได้แก่ สินเชื่อเอ็กซิมเริ่มต้นส่งออก อัตราพิเศษเริ่มต้น 5.35% ต่อปี (Prime Rate -1%) วงเงินสูงสุด 3 ล้านบาท ผู้เข้าร่วมโครงการนี้จะได้รับส่วนลดปีแรก 0.25% ต่อปี สินเชื่อ EXIM Green Start อัตราพิเศษเริ่มต้น 4.10% ต่อปี (Prime Rate -2.25%) วงเงินสูงสุด 200 ล้านบาท ผู้เข้าร่วมโครงการนี้จะได้รับส่วนลด 6 เดือนแรก 0.25% ต่อปี และสินเชื่อเอ็กซิมเติมทุนส่งออก อัตราพิเศษเริ่มต้น 4% ต่อปี วงเงินสูงสุดสำหรับ SMEs 20 ล้านบาท ผู้เข้าร่วมโครงการนี้จะได้รับส่วนลด 6 เดือนแรก 0.25% ต่อปี รวมถึงยกเว้นค่าธรรมเนียมแรกเข้า สินเชื่อเพื่อธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อัตราพิเศษเริ่มต้น 3.85% ต่อปี วงเงินสูงสุด 200 ล้านบาท และกรมธรรม์ประกันส่งออก EXIM for Small Biz เพื่อคุ้มครองความเสี่ยงจากการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศ ฟรี! ค่าเบี้ยประกัน 1 ราย มูลค่า 1,800 บาท สำหรับการรับประกันวงเงินผู้ซื้อ 0.30 ล้านบาท ด้วยเทอมการชำระเงิน 90 วัน หรือรับส่วนลดค่าประเมินความเสี่ยงผู้ซื้อตามเงื่อนไขของธนาคาร และกรณีที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสินค้าฮาลาลจะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม Voucher มูลค่าสูงสุด 2,000 บาท เพื่อเป็นส่วนลดค่าเบี้ยประกันบริการประกันการส่งออก EXIM for Small Biz สำหรับการทำประกันผู้ซื้อรายที่ 2 หรือส่วนลดค่าประเมินความเสี่ยงผู้ซื้อ จำนวน 1 ราย

          สำหรับ ibank ได้ร่วมขับเคลื่อนยุทธศาตร์ IGNITE THAILAND ออกสินเชื่อ IGNITE HALAL สนับสนุนทางการเงินเสริมสภาพคล่อง และการลงทุนให้ผู้ประกอบการธุรกิจฮาลาล ที่เป็นกลุ่มธุรกิจการท่องเที่ยว กลุ่มธุรกิจการแพทย์และสุขภาพ และกลุ่มธุรกิจอาหาร หวังผลักดันธุรกิจ SMEs ที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ให้สามารถเข้าแหล่งเงินทุนฮาลาล ให้วงเงินสินเชื่อขั้นต่ำ 1 ล้านบาท สูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท ผ่อนนานสูงสุด 7 ปี ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยมี บสย.ค้ำประกันวงเงินสินเชื่อ พิเศษ! รัฐบาลสนับสนุนค่าธรรมเนียมค้ำประกันให้นานถึง 3 ปี ตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของ บสย. และสำหรับลูกค้าที่มีสถานประกอบการในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ibank มอบส่วนลดพิเศษ 3 เดือนแรก คิดอัตราผ่อนชำระเพียง 50% ของค่างวดปกติ

          IGNITE HALAL เป็นโครงการสินเชื่อเพื่อสนับสนุนทางการเงินให้กับผู้ประกอบการ SMEs ใน 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจการท่องเที่ยว กลุ่มธุรกิจอาหาร และกลุ่มธุรกิจการแพทย์และสุขภาพ หรือเป็น Supply Chain ของกลุ่มธุรกิจข้างต้น เช่น ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย ค้าปลีก ค้าส่ง และร้านค้า ที่ต้องการแหล่งเงินทุนฮาลาลเพื่อนำไปลงทุนในการขยายกิจการในรูปแบบวงเงินสินเชื่อแบบมีระยะเวลา (Term Financing) และเพื่อเสริมสภาพคล่องในรูปแบบวงเงินเบิกถอนเงินสด (Islamic O/D) โดยคุณสมบัติผู้ขอสินเชื่อ เป็นผู้ประกอบธุรกิจที่เป็นบุคคลธรรมดานับถือศาสนาอิสลาม หรือ นิติบุคคลที่มีผู้ถือหุ้นนับถือศาสนาอิสลามไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของทุนที่ชำระแล้ว หรือ เป็นผู้ประกอบธุรกิจที่มีผลิตภัณฑ์และบริการที่ได้รับเครื่องหมายรับรองฮาลาลเรียบร้อยแล้ว หรือ เป็นผู้ประกอบการที่มีสถานประกอบการ/โครงการ/การลงทุนที่ไม่ขัดต่อหลักชะรีอะฮ์ ที่อยู่ในพื้นที่จังหวัด สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส เพื่อตอกย้ำพันธกิจของ ibank ในการสนับสนุนธุรกิจฮาลาลตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

          โครงการข้างต้นของทั้งสองหน่วยงานจะช่วยให้ SMEs ไทยมีโอกาสผันตัวเป็นผู้ส่งออกได้มากขึ้น ควบคู่กับการพัฒนาสินค้าอาหารไทยสู่มาตรฐานสากล ท่ามกลางปัจจัยท้าทายและโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจในโลกการค้าปัจจุบัน โดยใช้จุดแข็งของประเทศไทยในการพัฒนาสินค้าอาหารให้ได้มาตรฐานสากล เจาะตลาดที่มีศักยภาพและกำลังซื้อสูง โดยชาวมุสลิมทั่วโลกมีอยู่ราว 2,000 ล้านคน มากถึง 1 ใน 4 ของประชากรโลก กระจายอยู่ในภูมิภาคต่าง ๆ อีกทั้งเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศมุสลิมหลายประเทศเติบโตสูงกว่าตลาดหลัก ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในครั้งนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจอาหารฮาลาล และธุรกิจที่เกี่ยวข้องมีจำนวนเพิ่มขึ้น โดยมี EXIM BANK และ ibank เป็น Business Partner อยู่เคียงข้างตลอดวงจรธุรกิจ ขับเคลื่อนการพัฒนาในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ
 
            ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK และ ดร.ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงภายใต้โครงการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูล ESG เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนระบบนิเวศสำหรับการเงินเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance) ณ สำนักงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อเร็ว ๆ นี้ รวมถึงข้อมูลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ผ่านระบบ ESG Data Platform และสนับสนุนระบบ SET Carbon สำหรับลูกค้าของธนาคารให้มีการดำเนินงานตามเป้าหมายความยั่งยืน โดย SET และ EXIM BANK จะร่วมกันพัฒนาสินเชื่อจากการใช้ข้อมูลด้าน ESG ประกอบการพิจารณาตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ปี 2567 และเริ่มให้บริการในปี 2568 ซึ่ง EXIM BANK ในฐานะ Green Development Bank ได้พัฒนานวัตกรรมทางการเงินสีเขียว พร้อมสิทธิประโยชน์ทางการเงินอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมอยู่ใน Green Export Supply Chain สามารถปฏิบัติตามมาตรฐานสากลด้านสิ่งแวดล้อมและบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์  
            ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิมล ศรีวิกรม์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาจัดการสนับสนุนสมาคมกีฬาจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและภาคเอกชน พร้อมด้วยนายปรีชา ลาลุน รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายกีฬาอาชีพและกีฬามวย ร่วมพิธีมอบเงินสนับสนุนโครงการ “1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจ” แก่สมาคมกีฬายิงปืนรณยุทธแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬาเอ็กซ์ตรีมแห่งประเทศไทย จำนวนเงิน 32 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 4 ปี ของ EXIM BANK โดยมีนายธีรลักษ์ แสงสนิท ประธานกรรมการธนาคาร EXIM BANK นายบัณฑิต สะเพียรชัย ประธานกรรมการบริหาร EXIM BANK และ ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ให้การต้อนรับ โดยมีพลเอกเพิ่มศักดิ์ พวงสาโรจน์ นายกสมาคมกีฬายิงปืนรณยุทธแห่งประเทศไทย และนายโรจน์ เมืองครุธ อุปนายกสมาคมกีฬาเอ็กซ์ตรีมแห่งประเทศไทย เป็นผู้รับมอบ นับเป็นอีกก้าวสำคัญของ EXIM BANK ในการสร้างบทบาทใหม่ในฐานะธนาคารที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมผ่านการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาด้านกีฬาอย่างเป็นระบบ ต่อยอดการเป็น Soft Power และนักกีฬาไทยสู่การแข่งขันกีฬาในระดับนานาชาติ เป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพในวงการกีฬามืออาชีพและชื่อเสียงที่ดีของประเทศไทยในระดับสากล ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้

          กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า โครงการ “1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจ” เปิดโอกาสให้ทั้งภาคเอกชนและหน่วยงาน
รัฐวิสาหกิจเข้ามามีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนกีฬาแต่ละประเภทอย่างเป็นระบบและยั่งยืนเพื่อส่งเสริมและพัฒนาทักษะของ
นักกีฬาไทยไปสู่การแข่งขันในระดับนานาชาติ การสนับสนุนของรัฐวิสาหกิจช่วยให้นักกีฬาเข้าถึงโอกาสในการฝึกฝนและพัฒนา
ทักษะได้มากขึ้น การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจะสร้างประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการฝึกฝน นอกจากนี้ รัฐวิสาหกิจยังเป็น
ต้นแบบของการสนับสนุนและส่งเสริมให้คนไทยดูแลสุขภาพและให้ความสำคัญกับการออกกำลังกาย เพื่อสุขภาพกาย ใจ และสปิริต
ที่ดี การได้เห็นนักกีฬาประสบความสำเร็จยังสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนและประชาชนทั่วไปให้หันมาออกกำลังกาย
และเล่นกีฬาอย่างมีทักษะและเป็นมืออาชีพเป็นการขับเคลื่อนการพัฒนาวงการกีฬาของไทยอย่างเป็นระบบ ส่งเสริมให้เกิดวิชาชีพ
ที่เกี่ยวข้องกับกีฬาเพิ่มขึ้น เช่น โค้ช ผู้ฝึกสอน ผู้ตัดสิน และวิชาชีพอื่น ๆ ในวงการกีฬา ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น
และระดับประเทศได้อีกทางหนึ่งด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างรายได้จากธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และการขนส่งอย่างครบวงจร
นับเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ทั้งในด้านการพัฒนากีฬา การส่งเสริมสุขภาพ การเสริมสร้างเศรษฐกิจ การสร้าง
ชื่อเสียง และการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยส่งเสริมและต่อยอดการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

          โครงการ “1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจ” เป็นโครงการที่มีเป้าหมายในการส่งเสริมและพัฒนากีฬาในทุกระดับรวมถึงการเสริมสร้าง
ความแข็งแกร่งของเยาวชนไทยและประชาชนในชุมชน การสนับสนุนในครั้งนี้ ถือเป็นอีกบทบาทสำคัญของ EXIM BANK
ในการร่วมขับเคลื่อนวงการกีฬาไทยไปสู่ความเป็นเลิศทั้งในและต่างประเทศ สอดคล้องกับภารกิจหลักของ EXIM BANK
ในการสนับสนุนการได้มาซึ่งเงินตราต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะมีเงินตราต่างประเทศไหลเข้าประเทศไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาทต่อปี
จากการจัดแข่งขันระดับนานาชาติของทั้ง 2 สมาคม นอกจากนี้ EXIM BANK ยังมุ่งมั่นสนับสนุนการพัฒนาวงการกีฬาอย่างยั่งยืน
พัฒนาอาชีพนักกีฬา ผู้ฝึกสอน ผู้ตัดสิน และวิชาชีพที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบ เพิ่มโอกาสและพัฒนาศักยภาพโดยเฉพาะแก่กลุ่ม
นักกีฬาช้างเผือกที่มีทักษะแต่ขาดกำลังทรัพย์ ขณะเดียวกัน EXIM BANK ยังขยายผลความร่วมมือสู่การเสริมสร้างสุขภาพและ
คุณภาพชีวิตที่ดีของพนักงาน EXIM BANK และครอบครัว โดยส่งเสริมการมีส่วนร่วมของบุคลากรในกิจกรรม CSR หรือกิจกรรมอื่น ๆ
เพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดี (Wellness) ของตนเองและสังคมยกระดับความผูกพันของพนักงานในองค์กรอีกทางหนึ่ง การสนับสนุน
ในครั้งนี้ ไม่เพียงสนับสนุนด้านการเงินเท่านั้น แต่ยังช่วยยกระดับด้านคุณค่าและเพิ่มประสิทธิภาพ และประสิทธิผลในการฝึกฝนทักษะ
ของนักกีฬาจากทั้งสองสมาคมให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมของวงการกีฬาและสร้างผลกระทบในเชิงบวกต่อสังคมรอบข้าง ขับเคลื่อน
การพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับท้องถิ่นสู่ประเทศชาติและโลกโดยรวม ดร.รักษ์ กล่าว
 
             ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ร่วมเป็นวิทยากรเสวนาหัวข้อ ”ผู้นำสร้างสุข สู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน“ กับ ดร.วิชิต โสภิตานนท์รัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บูโร เวอริทัส (ประเทศไทย) จำกัด นายวิศรุจน์ อัศวรักษ์ กรรมการผู้จัดการ IBM Digital Talent for Business นายจารีต เจริญสุข Country Production and Supply Lead บริษัท ซินเจนทา ประเทศไทย จำกัด นางสาวสุชาดา ธีรวชิรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส คอนเน็ค จำกัด และนายกฤษณ์ รุยาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย แปซิฟิก อินโนเวชั่น เซ็นเตอร์ จำกัด เป็นผู้ดำเนินรายการเสวนา โดยมีนางสาวณรินณ์ทิพ วิริยะบัณฑิตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิจการร่วมค้า พีเอ็มจี-ไทยพัฒนา จำกัด ให้การต้อนรับในงาน Thailand Wellness and Healthcare 2024 จัดโดยบริษัท กิจการร่วมค้า พีเอ็มจี-ไทยพัฒนา จำกัด ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อสร้างโอกาสและยกระดับศักยภาพธุรกิจสุขภาพและการแพทย์ของไทย ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา เมื่อเร็ว ๆ นี้

           กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินชีวิตของผู้นำที่ดูแลร่างกายและจิตใจ
ของตนเองและทีมงานให้พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ได้อย่างมีสติ รอบคอบ ประสบความสำเร็จในการบริหารคนและบริหารงาน
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างองค์กรให้เติบโตอย่างมั่นคงและต่อเนื่อง (Healthy Growth) ตลอดจนมีสวัสดิการที่ดี บุคลากรมี
เส้นทางเติบโตทางอาชีพ (Career Growth) นำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนขององค์กรและประเทศไทย
 
            ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ร่วมเป็นวิทยากรบรรยายหัวข้อ “Transform to Innovate : Key Incentives for a Thriving Tech Economy” ร่วมกับนายเดช ฐิติวณิช ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายระบบข้อสนเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย และนายธีรนันท์ ศรีหงส์ ประธานกรรมการกำกับ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ดำเนินรายการโดยนายนภพัฒน์จักษ์ อัตตานนท์ บรรณาธิการบริหาร WorkpointToday ในงาน Techsauce Global Summit 2024 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อเร็ว ๆ นี้

          โอกาสนี้ กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ได้ชี้ให้เห็นปัญหาเชิงโครงสร้างของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs ซึ่งยังมีบทบาทต่อระบบเศรษฐกิจไทยไม่มากนัก เนื่องจากมากกว่า 99% ยังค้าขายในประเทศเป็นหลัก และ 2 ใน 3 ของ SMEs ไทยยังขาดทักษะและความพร้อมที่จะพัฒนากระบวนการทำงานที่มุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลปรับปรุงกิจการให้แข่งขันได้ในระดับสากล จึงถึงเวลาแล้วที่ภาครัฐและภาคเอกชนต้องเร่งส่งเสริมให้ SMEs ไทยเข้าไปอยู่ในวงจรการค้าระหว่างประเทศ มุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ โดยทางรอดคือ การ Go Green หรือ Go Digital เพื่อเพิ่มมูลค่าอุตสาหกรรมเดิม เช่น การท่องเที่ยวมูลค่าสูงและการเกษตรอัจฉริยะ หรือเปลี่ยนสู่อุตสาหกรรมใหม่ เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสู่เศรษฐกิจดิจิทัลและการพัฒนาสินค้าหรือบริการที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ทั้งนี้ EXIM BANK มีบริการครบวงจรเพื่อสนับสนุนการพัฒนาธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs ไทยในการยกระดับกระบวนการผลิตและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้แข่งขันได้อย่างยั่งยืนในเวทีการค้าโลก
 
            ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ร่วมเป็นวิทยากรบรรยายหัวข้อ “สินเชื่อสำหรับธุรกิจ” ในหลักสูตรเครือข่ายผู้บริหารองค์กร (Business Enterprises Networking Forum : BenF) รุ่น 2 จัดโดยกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับสินเชื่อสำหรับธุรกิจ แนวทางการบริหารจัดการสภาพคล่องและบริหารความเสี่ยงธุรกิจ และการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (ESG) ณ โรงแรมอมารี กรุงเทพฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้

          กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK แนะนำให้ผู้ประกอบการไทยจัดสัดส่วนทางการเงินให้สมดุลเมื่อต้องการยื่นขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ก่อนการส่งออกทุกครั้ง ควรทำประกันการส่งออกเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศ และปรับตัว Go Green เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน รับมือกับมาตรการทางการค้าด้านสิ่งแวดล้อมของโลกยุคใหม่ได้ โดย EXIM BANK พร้อมสนับสนุนภาคธุรกิจปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สร้าง Supply Chain การส่งออกสีเขียว ด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงินสีเขียวที่มีอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำและการพัฒนาอย่างยั่งยืน
 
            นายอิทธิพล เลิศศักดิ์ธนกุล รองกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK และนายพิศิษฐ์ บูรณะกิจภิญโญ ผู้อำนวยการฝ่าย ผู้บริหารสาขาต่างประเทศ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาพนมเปญ ร่วมลงนามในสัญญาสนับสนุนทางการเงินของ EXIM BANK จำนวน 5.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในกัมพูชาและผู้ประกอบการกัมพูชาที่ดำเนินธุรกิจนำเข้าสินค้าหรือบริการจากประเทศไทย โดยมีนางวรางคณา วงศ์ข้าหลวง รองกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ กรุงพนมเปญ กัมพูชา เมื่อเร็ว ๆ นี้

          ทั้งนี้ การส่งออกของไทยไปกัมพูชาในปี 2566 มีมูลค่าราว 6.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ กัมพูชาเป็นเป้าหมายสำคัญด้านการลงทุนของผู้ประกอบการไทยในหลายอุตสาหกรรม อาทิ อุตสาหกรรมเกษตร การผลิต การก่อสร้าง การให้บริการด้านสุขภาพ และภาคบริการ การสนับสนุนทางการเงินจาก EXIM BANK ในฐานะธนาคารเพื่อการพัฒนา จะช่วยยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทย-กัมพูชาให้แข่งขันได้มากขึ้นในเวทีการค้าการลงทุนระหว่างประเทศอย่างยั่งยืน
 
            นายอิทธิพล เลิศศักดิ์ธนกุล รองกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ร่วมเป็นวิทยากรบรรยายในหัวข้อ “การวางแผนและพัฒนาธุรกิจกับการจัดการความยั่งยืน (Sustainability Management)” เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจให้นักพัฒนาธุรกิจและนักพัฒนากลยุทธ์องค์กรสำหรับ SMEs ไทยตระหนักถึงความสำคัญของการวางกลยุทธ์พัฒนาธุรกิจและปรับปรุงผลิตภัณฑ์ตามแนวคิด ESG สู่การเป็นองค์กรแห่งความยั่งยืน พร้อมต่อยอดการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ลดต้นทุนด้านพลังงาน สร้างสังคมคาร์บอนต่ำโดยการผลักดันธุรกิจสู่ Green Value Chain และแข่งขันได้อย่างยั่งยืนด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงินสีเขียวของ EXIM BANK ณ สถาบันเทคโนโลยีไทย–ญี่ปุ่น เมื่อเร็ว ๆ นี้  
            นายอิทธิพล เลิศศักดิ์ธนกุล รองกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ถ่ายภาพร่วมกับ ศ.ดร.พิสุทธิ์ เพียรมนกุล ประธานการจัดงานมหกรรมพลังงานและเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ประจำปี 2567 (SETA 2024) ซึ่งจัดร่วมกับงานพลังงานโซลาร์และระบบกักเก็บพลังงานแห่งเอเชีย ประจำปี 2567 (Solar+Storage Asia 2024) งานการขนส่งและยานยนต์ที่ยั่งยืนแห่งเอเชีย ประจำปี 2567 และงาน CCUS Networking Forum ครั้งที่ 4 ภายใต้สัปดาห์แห่งความยั่งยืน (Sustain Asia Week 2024) ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา เมื่อเร็ว ๆ นี้ โดย EXIM BANK ร่วมออกบูทให้คำปรึกษา เติมความรู้ เติมโอกาส และเติมเงินทุน แก่ผู้ประกอบการที่สนใจเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับบทบาทของธนาคารสู่การเป็น Green Development Bank สนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้สามารถแข่งขันและขยายธุรกิจให้เติบโตในตลาดการค้าโลกได้อย่างยั่งยืน  
            นางสาวดรัสวันต์ ชูวงษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ให้การต้อนรับนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และนางสาวณรินณ์ทิพ วิริยะบัณฑิตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิจการร่วมค้า พีเอ็มจี-ไทยพัฒนา จำกัด ในโอกาสเยี่ยมชมบูท EXIM BANK ในงาน Thailand Wellness and Healthcare 2024 จัดโดยบริษัท กิจการร่วมค้า พีเอ็มจี-ไทยพัฒนา จำกัด ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อสร้างโอกาสและยกระดับศักยภาพธุรกิจสุขภาพและการแพทย์ของไทย ณ ไบเทค บางนา เมื่อเร็ว ๆ นี้ โดย EXIM BANK ร่วมออกบูทให้คำปรึกษาทางการเงิน เติมความรู้ เติมเงินทุน ให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ที่สนใจเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจส่งออก โดยมีบริษัท ขาวละออเภสัช จำกัด ผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับการสนับสนุนจาก EXIM BANK นำผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ สารสกัดจากสมุนไพร คุณภาพส่งออกมาจำหน่ายในบูท ระหว่างวันที่ 16-18 สิงหาคม 2567 ณ ฮอลล์ 99 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา  
            นางสาวดรัสวันต์ ชูวงษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK พร้อมผู้บริหารและพนักงาน EXIM BANK ร่วมอุดหนุนสินค้าจากบริษัท สุคันธา ไทยสแน็ค จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ข้าวตังธัญพืชภายใต้แบรนด์ “สุคันธา” ซึ่งผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติและส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา จีน อินเดีย ตะวันออกกลาง อินโดนีเซีย และเวียดนาม โดยเริ่มผลิตมาตั้งแต่ปี 2536 ซึ่งเป็นผู้ประกอบการ SMEs ที่ผ่านการบ่มเพาะจาก EXIM BANK และได้รับการจัดสรรพื้นที่ให้นำสินค้าคุณภาพส่งออกมาจำหน่ายโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ภายใต้โครงการ “EXIM เพื่อคนตัวเล็ก” หนึ่งในโครงการที่ EXIM BANK จัดขึ้นตลอดปี 2567 เพื่อช่วยเหลือและเสริมสร้างศักยภาพของผู้ประกอบการรายย่อยให้สามารถเริ่มต้นธุรกิจการค้าระหว่างประเทศได้ ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้
 
            นางสาวดรัสวันต์ ชูวงษ์ และนายชลัช รัตนบุญนิธิ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK พร้อมผู้บริหารและพนักงาน EXIM BANK ร่วมอุดหนุนสินค้าจากบริษัท แฮงค์กี้ เฮ้าส์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ก้านไม้หอมปรับอากาศ ภายใต้แบรนด์ Hanky House ซึ่งผลิตจากน้ำมันหอมแท้ ส่งออกไปประเทศจีน ไต้หวัน และตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นผู้ประกอบการ SMEs ที่ผ่านการบ่มเพาะจาก EXIM BANK และได้รับการจัดสรรพื้นที่ให้นำสินค้าคุณภาพส่งออกมาจำหน่ายโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ภายใต้โครงการ “EXIM เพื่อคนตัวเล็ก” หนึ่งในโครงการที่ EXIM BANK จัดขึ้นตลอดปี 2567 เพื่อช่วยเหลือและเสริมสร้างศักยภาพของผู้ประกอบการรายย่อยให้สามารถเริ่มต้นธุรกิจการค้าระหว่างประเทศได้ ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้  
             นางสาวดรัสวันต์ ชูวงษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK พร้อมผู้บริหารและพนักงาน EXIM BANK ร่วมอุดหนุนสินค้าจากบริษัท ฉมา แอ็สเซ็ท จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยครบวงจรทั้งแบบรับประทานและใช้ภายนอก ภายใต้แบรนด์ “Chama Herbs” ที่ได้รับมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ระดับสากลและรางวัลผลิตภัณฑ์สมุนไพรคุณภาพ ประจำปี 2566-2568 จากกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นผู้ประกอบการ SMEs ที่ผ่านการบ่มเพาะจาก EXIM BANK และได้รับการจัดสรรพื้นที่ให้นำสินค้าคุณภาพส่งออกมาจำหน่ายโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ภายใต้โครงการ “EXIM เพื่อคนตัวเล็ก” หนึ่งในโครงการที่ EXIM BANK จัดขึ้นตลอดปี 2567 เพื่อช่วยเหลือและเสริมสร้างศักยภาพของผู้ประกอบการรายย่อยให้สามารถเริ่มต้นธุรกิจการค้าระหว่างประเทศได้ ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้  
            นายชลัช รัตนบุญนิธิ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK พร้อมด้วยผู้บริหาร EXIM BANK ร่วมพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน ประจำปี 2567 เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง เมื่อเร็ว ๆ นี้  
   
            นายชลัช รัตนบุญนิธิ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เป็นผู้แทนธนาคาร พร้อมด้วย พล.อ.เพิ่มศักดิ์ พวงสาโรจน์ นายกสมาคมกีฬายิงปืนรณยุทธแห่งประเทศไทย (THPSA) ร่วมพิธีมอบรางวัลในการแข่งขันกีฬายิงปืนรณยุทธชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสุธิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา แก่ผู้ชนะการแข่งขันรายการ THPSA Handgun Kings Cup 2024 (Level III) จัดโดย THPSA ณ สนามกีฬายิงปืนรณยุทธ ศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติภาคตะวันออก จังหวัดชลบุรี การกีฬาแห่งประเทศไทย อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เมื่อเร็ว ๆ นี้
            นางเศรษฐสุดา ตุลยธัญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ให้การต้อนรับนายพันธุ์ธัมม์ ทองสังข์ รองเลขาธิการ สมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ และอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านละครและซีรีส์ ผู้กำกับและผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ อาทิ คู่กรรม (2538) ไอ้ฟัก (2547) มะหมา 4 ขาครับ (2550) ซึ่งเป็นวิทยากรบรรยายหัวข้อ “Film Business Insight” เพื่อถ่ายทอดความรู้และแลกเปลี่ยนมุมมองด้านโอกาสและความท้าทายของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย รวมถึงการบริหารจัดการเงินทุนในการดำเนินธุรกิจภาพยนตร์ เพื่อให้ EXIM BANK ใช้เป็นข้อมูลในการออกแบบและพัฒนาเครื่องมือทางการเงินในการส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยสู่ตลาดโลก ยกระดับและพัฒนาความสามารถด้านความคิดสร้างสรรค์เพื่อสร้างรายได้เป็นเงินตราต่างประเทศให้แก่ประเทศไทย ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ การค้าระหว่างประเทศ และการพัฒนาอย่างยั่งยืน ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้
 
  EXIM BANK ร่วมยินดี บจก. มีเดีย แอสโซซิเอตเต็ด ก้าวสู่ปีที่ 44  
            ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ร่วมแสดงความยินดีกับนายสันติ วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานบรรณาธิการวารสารการเงินธนาคาร พร้อมมอบเงินบริจาคสมทบทุนกองทุน ส.ธ. เพื่อผู้สูงวัย โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ในโอกาสบริษัท มีเดีย แอสโซซิเอตเต็ด จำกัด ผู้ผลิตวารสารการเงินธนาคารและผู้จัดงานมหกรรมการเงิน ก้าวสู่ปีที่ 44 ณ สำนักงานบริษัท เมื่อเร็ว ๆ นี้  
  EXIM BANK ร่วมยินดีครบรอบ 66 ปี การไฟฟ้านครหลวง  
            นางวันเพ็ญ อรรชุนเดชะ รองกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ร่วมแสดงความยินดีกับนายวิลาศ เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง (MEA) โอกาสวันคล้ายวันสถาปนา MEA ครบรอบ 66 ปี พร้อมมอบเงินบริจาคสมทบทุนมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ณ MEA สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้  
 
  EXIM BANK ร่วมยินดีครบรอบ 57 ปี การประปานครหลวง  
           นางวันเพ็ญ อรรชุนเดชะ รองกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ร่วมแสดงความยินดีกับนางนิสภัสร์ วงศ์พัฒน์ ผู้เชี่ยวชาญการประปานครหลวง ระดับ 10 การประปานครหลวง (MWA) โอกาสวันคล้ายวันสถาปนา MWA ครบรอบ 57 ปี พร้อมมอบเงินบริจาคสมทบทุนมูลนิธิพระแม่ธรณี ณ MWA สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้
 
  EXIM BANK ร่วมยินดีโอกาสครบรอบ 25 ปี สำนักงาน ปปง.  
            นายชลัช รัตนบุญนิธิ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK แสดงความยินดีกับนายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนาครบรอบ 25 ปี สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) พร้อมมอบเงินสมทบกองทุนสวัสดิการ สำนักงาน ปปง. ณ โรงแรมแมนดาริน กรุงเทพฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้  
  EXIM BANK ร่วมยินดีครบรอบ 21 ปี บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และ 141 ปี กิจการไปรษณีย์ไทย  
                    นายชลัช รัตนบุญนิธิ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ร่วมแสดงความยินดีกับนายนเรศ ไชยวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานระบบไปรษณีย์และปฏิบัติการนครหลวง บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) โอกาสครบรอบ 21 ปี บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และ 141 ปี กิจการไปรษณีย์ไทย พร้อมมอบเงินสมทบทุนศิริราชมูลนิธิ ณ ปณท สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้