 |
 |
|
หุ่นยนต์บริการ : โอกาสตลาดโตไม่แพ้หุ่นยนต์อุตสาหกรรม |
|
|
 |
 |
|
 |
ในยุคที่หลายประเทศทั่วโลก รวมถึงไทย ต่างประสบปัญหา
ขาดแคลนแรงงานและค่าจ้างแรงงานที่ปรับสูงขึ้น โดยมีสาเหตุทั้งจาก
การก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ที่ทำให้ประชากรวัยแรงงาน
มีจำนวนลดลง และแรงงานเลือกงานมากขึ้น ทั้งงานที่ใช้แรงงานหนัก
งานที่ต้องอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ไม่พึงประสงค์ เช่น งานในโรงงานที่มี
กลิ่นรุนแรง หรืองานที่ต้องเสี่ยงอันตราย เช่น งานบนที่สูง หรืองานที่ต้อง
สัมผัสสารเคมีอันตราย รวมถึงหลายอุตสาหกรรมขาดแคลนแรงงานที่มี
ความละเอียด เที่ยงตรง และแม่นยำสูง ทางออกหนึ่งที่ถูกพูดถึงมาก
ในปัจจุบัน คือ การนำหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติมาใช้ทดแทนแรงงานคน
ซึ่งนอกจากจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านแรงงานในระยะยาวแล้ว ยังช่วยเพิ่ม
ประสิทธิภาพและลดความผิดพลาดในการทำงานอีกด้วย
โดยทั่วไปเราสามารถแบ่งหุ่นยนต์ตามลักษณะการใช้งานได้เป็น 2
ประเภท คือ หุ่นยนต์อุตสาหกรรม (Industrial Robot) ที่ส่วนใหญ่
จะอยู่ในลักษณะแขนกลที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม และหุ่นยนต์บริการ
(Service Robot) ซึ่งแยกย่อยได้อีก 2ประเภท คือ หุ่นยนต์บริการที่ใช้ |
|
|
|
ในเชิงพาณิชย์ (Professional Use) อาทิ หุ่นยนต์ขนส่ง หุ่นยนต์ทางการแพทย์ หุ่นยนต์ต้อนรับ หุ่นยนต์การเกษตร หุ่นยนต์ก่อสร้าง
หุ่นยนต์ใต้น้ำ หุ่นยนต์ทางการทหาร และหุ่นยนต์บริการที่ใช้ในครัวเรือนหรือใช้เป็นการส่วนตัว (Personal and Domestic Use)
อาทิ หุ่นยนต์ดูดฝุ่น หุ่นยนต์ตัดหญ้า หุ่นยนต์ของเล่น ทั้งนี้ การที่ภาครัฐมีเป้าหมายผลักดันให้ภาคเอกชนหันมาใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ
เพิ่มขึ้น เราจึงมักเห็นภาพหุ่นยนต์อุตสาหกรรมปรากฏในสื่อบ่อยครั้ง โดยเฉพาะภาพหุ่นยนต์ในโรงงานประกอบรถยนต์ หรือโรงงานผลิต
ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ในขณะที่หุ่นยนต์บริการมักถูกมองข้ามและยังไม่ค่อยเป็นที่กล่าวถึงมากนัก ทั้งที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้บริโภคมากกว่าและ
มีโอกาสขยายตัวโดดเด่นไม่แพ้หุ่นยนต์อุตสาหกรรม
ข้อมูลล่าสุดจากสหพันธ์หุ่นยนต์นานาชาติ (International Federation of Robotics : IFR) ระบุว่า ยอดจำหน่ายหุ่นยนต์บริการในปี
2558 มีมูลค่า 6.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นหุ่นยนต์บริการที่ใช้ในเชิงพาณิชย์ 4.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และหุ่นยนต์บริการที่ใช้ใน
ครัวเรือนหรือใช้เป็นการส่วนตัว 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าการจำหน่ายหุ่นยนต์บริการระหว่างปี 2559-2562 จะมียอดสะสมสูงถึง
45.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (แบ่งเป็นแบบใช้ในเชิงพาณิชย์ 23.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และแบบใช้ในครัวเรือนหรือใช้เป็นการส่วนตัว 22.3
พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
สำหรับหุ่นยนต์บริการที่มีการใช้งานเป็นจำนวนมากในปัจจุบัน อาทิ
• หุ่นยนต์ขนส่งและโลจิสติกส์ ส่วนใหญ่เป็นรถขนส่งอัตโนมัติ (Automated Guided Vehicle : AGV หรือ Automated Guided
Car : AGC) ซึ่งสามารถเคลื่อนที่โดยปราศจากคนขับ แต่จะเคลื่อนที่อัตโนมัติไปตามเส้นทางที่ถูกกำหนดไว้ ทั้งนี้ เส้นทางอาจกำหนดโดย
ใช้การเหนี่ยวนำของสนามแม่เหล็กที่ฝังอยู่ที่พื้น หรือใช้วิธีควบคุมการตรวจจับด้วยแสงเลเซอร์เพื่อให้รถเคลื่อนที่ไปตามเส้นทางที่กำหนด
โดยการควบคุมอุปกรณ์ประเภท AGV สามารถควบคุมได้พร้อมๆ กันหลายคันโดยใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมเพียงชุดเดียว สำหรับประโยชน์ของ
รถ AGV นอกจากจะช่วยลดการใช้แรงงานคนแล้ว ยังช่วยลดความผิดพลาด เช่น การขับเฉี่ยว-ชนที่เกิดจากความประมาท รวมถึงช่วยลด
ปัญหามลพิษ เพราะรถ AGV ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ ทั้งนี้ ความต้องการใช้หุ่นยนต์ขนส่งและโลจิสติกส์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง มีการ
คาดการณ์ว่า ระหว่างปี 2559-2562 หุ่นยนต์ขนส่งและโลจิสติกส์จะมียอดจำหน่ายรวมกว่า 175,000 ตัว ในจำนวนนี้จะเป็นยอดจำหน่ายรถ
AGV ถึง 174,650 คัน
• หุ่นยนต์ทางการแพทย์ อาทิ หุ่นยนต์ผ่าตัด (Surgical Robot) เพื่อช่วยแพทย์ในการผ่าตัดที่ซับซ้อนหรือต้องการความละเอียด
สูง รวมถึงการผ่าตัดทางไกล หุ่นยนต์กายภาพบำบัด (Rehabilitation Robot) หุ่นยนต์ฆ่าเชื้อ (Disinfection Robot) ที่ใช้รังสี UV ฆ่าเชื้อ
แบคทีเรียในโรงพยาบาล สามารถฆ่าเชื้อได้ 99% สำหรับห้องผู้ป่วยที่มีการติดเชื้ออันตราย เช่น โรคไวรัสอีโบลา ทั้งนี้ แม้หุ่นยนต์
ทางการแพทย์จะมีปริมาณไม่มากนักเมื่อเทียบกับหุ่นยนต์บริการชนิดอื่น แต่เป็นหุ่นยนต์ที่มีราคาต่อหน่วยสูงที่สุดในกลุ่มหุ่นยนต์บริการ
(เฉลี่ยราวเครื่องละ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ทำให้หุ่นยนต์ทางการแพทย์มีมูลค่าจำหน่ายสูงถึง 1,463 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วน
กว่าร้อยละ 30 ของมูลค่าจำหน่ายหุ่นยนต์บริการเชิงพาณิชย์ทั้งหมดในปี 2558
• หุ่นยนต์ทางการทหาร (Defense Robot) ส่วนใหญ่ คือ โดรน (Drone) หรืออากาศยานไร้คนขับ (Unmanned Aerial
Vehicle : UAV) ซึ่งมีสัดส่วนกว่า 80% ของยอดจำหน่ายหุ่นยนต์ทางการทหารทั้งหมดในปี 2558 รองลงมา คือ ยานยนต์บกไร้คนขับ
(Unmanned Ground Based Vehicle) เช่น หุ่นยนต์เก็บกู้ระเบิด เป็นต้น
แม้ในระยะแรกโดรนจะถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในปฏิบัติการทางการทหาร แต่ปัจจุบันมีการนำโดรนมาใช้ในเชิงพาณิชย์มากขึ้น อาทิ
ใช้โดรนสำรวจความเรียบร้อยของถังและท่อในอุตสาหกรรมปิโตรเลียมและปิโตรเคมี ทำให้ช่วยลดระยะเวลาในการหยุดเครื่องเพื่อซ่อมบำรุง
ลง (จากเดิมที่ต้องใช้เวลาในการตั้งและรื้อถอนนั่งร้านเพื่อให้เจ้าหน้าที่ปีนขึ้นไปสำรวจ) การใช้โดรนฉีดพ่นปุ๋ยและสารเคมีในการเกษตร
ช่วยให้เกษตรกรสัมผัสสารเคมีอันตรายน้อยลง ใช้โดรนขนส่งสินค้า เพื่อช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งสินค้าและเพิ่มความรวดเร็วในการจัดส่งสินค้า
นอกจากนี้ ยังมีการนำโดรนมาใช้ในธุรกิจบันเทิง เช่น การแสดงระหว่างพักครึ่งในงาน Super Bowl เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2560 ที่มีการใช้
โดรนขนาดเล็กกว่า 300 ตัว มาแสดง Light Show ด้วยการแปรขบวนเป็นรูปต่างๆ ร่วมกับการโชว์บนเวทีของ Lady Gaga
• หุ่นยนต์บริการที่ใช้ในครัวเรือนหรือใช้เป็นการส่วนตัว (Personal and Domestic Use) หุ่นยนต์ที่เป็นที่นิยมสูงสุด
ในหมวดนี้ คือ หุ่นยนต์ที่ใช้ในบ้านจำพวกหุ่นยนต์ดูดฝุ่น หุ่นยนต์ตัดหญ้า และหุ่นยนต์เช็ดกระจกที่มียอดจำหน่ายสูงถึง 3.7 ล้านชิ้น ในปี
2558 และคาดว่าจะทำยอดจำหน่ายสะสมได้ถึง 31 ล้านชิ้นระหว่างปี 2559-2562 เพราะเข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการ
ความสะดวก รองลงมา คือ หุ่นยนต์เพื่อความบันเทิงและหุ่นยนต์ของเล่น ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเนื่องจากราคาไม่สูงนัก และหุ่นยนต์
บางชนิดก็ออกแบบมาให้ผู้เล่นเขียนโปรแกรมเพื่อควบคุมการทำงานของหุ่นยนต์ที่ประกอบขึ้นเองได้ด้วย นอกจากนี้ ยังมีหุ่นยนต์ดูแล
ผู้ป่วยและผู้สูงอายุที่แม้ปัจจุบันยังมียอดจำหน่ายไม่มากนัก (4,713 ตัวในปี 2558) แต่มีแนวโน้มขยายตัวสูงตามจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น
ทั่วโลก
เป็นที่ชัดเจนว่าในอนาคตการใช้หุ่นยนต์บริการในชีวิตประจำวันจะเพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้ประกอบการไทยจึงควรมองหา
โอกาสจากแนวโน้มดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการนำหุ่นยนต์บริการมาใช้ในกิจการ หรือการพัฒนาหรือต่อยอดหุ่นยนต์บริการที่ตอบสนองความ
ต้องการของผู้ใช้ ทั้งนี้ ปัจจุบันมีผู้ประกอบการไทยที่พัฒนาหุ่นยนต์บริการและนำออกจำหน่ายแล้ว อาทิ บริษัท ซีที เอเชีย โรโบติกส์ จำกัด
ผู้ผลิต "หุ่นยนต์ดินสอ" ซึ่งเป็นหุ่นยนต์สำหรับดูแลผู้ป่วยและผู้สูงอายุ บริษัท ไฮฟ์กราวนด์ จำกัด (HiveGround) ที่สร้างโดรนสำหรับงาน
ตรวจหอเผาให้บริษัท ระยองวิศวกรรมและซ่อมบำรุง จำกัด (ในเครือ SCG) |
|
|
|
 |
|
Disclaimer : ข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏเป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และการเผยแพร่ข้อมูลเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจเท่านั้น
โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยจะไม่รับผิดชอบในความเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ ไม่ว่าโดยทางใด |
|
|
 |
 |
|