นายเขมทัศน์ สายเชื้อ รักษาการกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK แถลงผลการดำเนินงานของ EXIM BANK ในรอบ 3 เดือนแรก
ของปี 2559 ว่า EXIM BANK มีกำไรสุทธิ 273 ล้านบาท โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2559 มีเงินให้สินเชื่อคงค้างจำนวน 73,603 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1,715 ล้านบาท ซึ่งเป็นสินเชื่อใหม่ที่เบิกจ่ายเพิ่มขึ้นในระหว่างปีจำนวน 4,131 ล้านบาท และมีการ
ชำระคืนของสินเชื่อเดิมบางส่วน ทั้งนี้มีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคาร (NPLs Ratio) ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2559 อยู่ที่ร้อยละ
5.61 เป็นจำนวน 4,129 ล้านบาท รวมทั้งมีเงินสำรองหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 5,934 ล้านบาท โดยเป็นสำรองหนี้พึงกันตามเกณฑ์
ธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวน 2,985 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินสำรองที่กันไว้แล้วต่อสำรองพึงกันร้อยละ 198.82
          ธุรกิจของ EXIM BANK ประกอบด้วย 2 ส่วนหลักคือ สินเชื่อและรับประกัน การสนับสนุนสินเชื่อของ EXIM BANK แก่ผู้ประกอบการ
ไทยในรอบ 3 เดือนแรกของปี 2559 ทำให้เกิดปริมาณธุรกิจ (Business Turnover) 27,589 ล้านบาท และเงินให้สินเชื่อคงค้างจำนวน
73,603 ล้านบาท ด้านรับประกันมีส่วนทำให้เกิดปริมาณธุรกิจส่งออกและลงทุนรวม 11,258 ล้านบาท โดย 2,687 ล้านบาท เป็นธุรกิจ
ส่งออกของ SMEs หรือร้อยละ 23.86 ของธุรกิจรับประกันรวม ทั้งนี้ มียอดรับประกันคงค้าง ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2559 จำนวน 17,191
ล้านบาท
          ด้านการสนับสนุนผู้ส่งออก SMEs เป็นนโยบายหนึ่งของ EXIM BANK โดยธนาคารได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ
และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ทำให้มีลูกค้า SMEs เพิ่มมากขึ้น โดยลูกค้า SMEs คิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 87 ของลูกค้าทั้งหมด และ
มีการอนุมัติวงเงินเพิ่มใหม่ในปีเท่ากับ 5,070 ล้านบาท รวมเป็นวงเงินอนุมัติสะสมที่ลูกค้าสามารถเบิกใช้สินเชื่อได้ 77,747 ล้านบาท
ทำให้เกิดปริมาณธุรกิจของ SMEs เท่ากับ 20,064 ล้านบาท และมีเงินให้สินเชื่อคงค้าง ณ สิ้นปี จำนวน 30,254 ล้านบาท
          ด้านการสนับสนุนตามยุทธศาสตร์ของประเทศและนโยบายรัฐ เช่น สนับสนุนโครงการพัฒนาพลังงานทดแทน สนับสนุน
ผู้ประกอบการเพื่อพัฒนาประเทศ และสนับสนุนผู้ประกอบการพาณิชยนาวีและโลจิสติกส์อื่นๆ โดยEXIM BANK มีการอนุมัติวงเงินสินเชื่อ
ในประเทศเพิ่มใหม่ในปีจำนวน 5,774 ล้านบาท รวมเป็นวงเงินอนุมัติสะสมจำนวน 86,920 ล้านบาท และมีเงินให้สินเชื่อคงค้าง ณ
สิ้นเดือนมีนาคม 2559 เท่ากับ 42,142 ล้านบาท
          ด้านการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศโดยสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ EXIM BANK ที่จะเป็นธนาคาร
ที่สร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยเข้าสู่เวทีโลก ปัจจุบัน EXIM BANK มีวงเงินอนุมัติสะสมของสินเชื่อเพื่อการค้าและการลงทุน
ระหว่างประเทศ รวม 51,435 ล้านบาท โดยเป็นวงเงินอนุมัติเพิ่มใหม่ในปีเท่ากับ 1,071 ล้านบาท ขณะที่เงินให้สินเชื่อคงค้าง ณ
สิ้นเดือนมีนาคม 2559 เท่ากับ 31,459 ล้านบาท
          นอกจากนี้ ในไตรมาส 1 EXIM BANK ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ด้วย Promotion พิเศษ ได้แก่ สินเชื่อส่งออกทวีค่าและบริการ
รับซื้อตั๋วส่งออกทวีค่า สินเชื่อเพื่อส่งเสริมนวัตกรรม สินเชื่อเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และสินเชื่อ Buyer’s and Supplier’s
Credit ทั้งนี้เพื่อตอบสนองแนวนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะการผลักดันให้ภาคส่งออกของประเทศขยายตัวได้ตามเป้าหมาย
          รักษาการกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า EXIM BANK พร้อมสนับสนุนสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการ
ไทยในการส่งออกและนำเข้า รวมทั้งมีสินเชื่อเพื่อสนับสนุนการขยายการค้าการลงทุนระหว่างประเทศของไทยกับประเทศใน AEC
โดยเฉพาะ CLMV จากการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งมีบริการทางด้านรับประกัน เช่น
บริการประกันการส่งออกระยะสั้นที่ให้ความคุ้มครองความเสี่ยงทางด้านการค้าและการเมืองที่ทำให้ผู้ประกอบการไม่ได้รับชำระเงิน
ค่าสินค้าภายหลังการส่งออก ไม่เกิน 180 วัน และการช่วยผู้ประกอบการปิดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ