|
 |
 |
|
“0”…ภารกิจสู่ Zero (Emissions) |
|
|
 |
 |
|
“0” คือ ภารกิจสู่ Zero (Emissions) เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์หรือ Net Zero Emissions เป็นภารกิจสำคัญที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน โดยประเทศไทยได้ตั้งเป้า Net Zero Emissions ไว้ภายในปี 2608 ซึ่งสำหรับภาคธุรกิจ การวางกลยุทธ์ให้สอดรับกับเป้าหมายดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์เชิงรุกที่เน้นลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของธุรกิจ และการรุกลงทุนในเทรนด์ธุรกิจใหม่ อาทิ พลังงานสะอาด ยานยนต์ไฟฟ้า และสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังควรเตรียมกลยุทธ์เชิงรับเพื่อรับมือกับมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ อาทิ มาตรการ CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) ของ EU ซึ่งเตรียมเริ่มบังคับใช้ระยะแรกในช่วง Transitional Period ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 กับกลุ่มสินค้าเบื้องต้น ได้แก่ เหล็ก ซีเมนต์ อะลูมิเนียม ปุ๋ย กระแสไฟฟ้า ไฮโดรเจน และสินค้าปลายน้ำบางรายการ อาทิ น็อตและสกรูที่ทำจากเหล็กและเหล็กกล้า |
|
|
|
 |
 |
 |
|
“2”…โลก 2 ขั้ว (Decoupling) |
|
|
|
|
“2” ตัวถัดมา คือ โลกถูกแบ่งเป็น 2 ขั้ว (Decoupling) ชัดเจนและทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งด้านหนึ่งนำโดยสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรยุโรป ขณะที่อีกด้านหนึ่งนำโดยจีนและรัสเซีย โดยการแข่งขันทางเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างสหรัฐฯ และจีน ยังคงเป็นสถานการณ์ที่ต้องติดตาม โดยเฉพาะกรณีล่าสุดที่จีนได้ยื่นฟ้อง WTO ในกรณีสหรัฐฯ กีดกันไม่ให้จีนเข้าถึงชิปและเซมิคอนดักเตอร์ที่ใช้ผลิตจากสหรัฐฯ ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง สะท้อนให้เห็นถึงความยืดเยื้อของสงครามการค้าที่มีมาตั้งแต่ปี 2561 ในสมัยของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จนมาถึงปัจจุบันที่อาจเรียกได้ว่า “Trade War 2.0” ทั้งนี้ สถานการณ์ดังกล่าวก่อให้เกิดการทวนกลับของกระแสโลกาภิวัตน์ (Deglobalization) ไปสู่การพึ่งพากันในระดับภูมิภาค (Regionalization) และกลุ่มประเทศที่มีความคิดเห็นทางการเมืองคล้ายกัน (Friend Shoring) มากขึ้น ขณะเดียวกัน มาตรการกีดกันทางการค้าและสงครามราคายังคงเป็นประเด็นที่ต้องเฝ้าระวังและจับตาเป็นพิเศษต่อไป |
|
|
|
 |
|
|
|
|
“3” ตัวสุดท้าย คือ Top 3 Rising Star ของปี 2566 ได้แก่ เวียดนาม อินเดีย และอินโดนีเซีย จากการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจโลกและภูมิภาคในปี 2566 พบว่า ตลาดประเทศเกิดใหม่ในเอเชียเป็นตลาดที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวสูงที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดในภูมิภาคอื่น ๆ ซึ่งประเทศที่มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่น ได้แก่ เวียดนาม อินเดีย และอินโดนีเซีย โดย IMF คาดการณ์ (ณ เดือนตุลาคม 2565) ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวถึง 6.2% 6.1% และ 5.0% ตามลำดับ โดยมีรายละเอียดที่น่าสนใจ ดังนี้ |
|
|
 |
|
 |
เวียดนาม เศรษฐกิจเติบโตโดดเด่นเป็นอันดับต้น ๆ ของเอเชีย จากการมีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจในภาคการผลิตและการค้าระหว่างประเทศที่แข็งแกร่ง |
|
|
 |
|
 |
อินเดีย เศรษฐกิจมีทิศทางขยายตัวต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ขยับ Ranking สู่ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก แซงหน้าสหราชอาณาจักร |
|
|
 |
|
 |
อินโดนีเซีย ได้รับความสนใจจากการปฏิรูปกฎหมายให้เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจและการลงทุนมากขึ้น |
|
|
 |
|
จากปัจจัยข้างต้น จึงนับเป็นจังหวะที่ดีสำหรับผู้ประกอบการไทยในการขยายโอกาสการค้าการลงทุนไปยังประเทศดังกล่าวภายใต้ภาวะ
เศรษฐกิจประเทศตลาดหลักทั้งสหรัฐฯ ยุโรป และจีนที่มีแนวโน้มชะลอตัว |
|
|
 |
 |
|
|
ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกปีกระต่ายที่มีความไม่แน่นอนสูง ผู้ประกอบการอาจเพิ่มความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมแผนสำรองไว้กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินทางธุรกิจ โดยเฉพาะแหล่งเงินสำรองเพื่อรักษาสภาพคล่องของธุรกิจ ตลอดจนการป้องกันความเสี่ยงอย่างครบวงจรผ่านเครื่องมือต่าง ๆ โดยเฉพาะการใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อที่จะไม่ต้องกังวลกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ตลอดจนอาจมีการทบทวนกลยุทธ์ทางธุรกิจอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน
|
|
|
 |