 |
 |
 |
 |
|
|
|
ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่อยู่ในช่วงขาลง ส่งผลให้ราคาน้ำมันทรงตัวในระดับต่ำตลอดทั้งปี 2562 ซึ่งบั่นทอนเศรษฐกิจของ
ประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศที่พึ่งพาการส่งออกน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเศรษฐกิจประเทศผู้ส่งออก
น้ำมันรายใหญ่หลายประเทศที่ทยอยเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ไม่ว่าจะเป็นซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ เวเนซุเอลา เป็นต้น อย่างไรก็ตาม
ในปี 2563 มีหลายเหตุการณ์ที่น่าจับตามอง ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะส่งผลต่อทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก ได้แก่
• การเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ของ Saudi Aramco ในช่วงเดือนธันวาคม 2562 ที่หุ้น Saudi Aramco รัฐวิสาหกิจน้ำมัน
แห่งชาติของซาอุดีอาระเบียเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นของซาอุดีอาระเบียเป็นครั้งแรก ซึ่งสามารถระดมทุนได้สูงที่สุดในโลกราว 25.6
พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มากกว่าตอนที่บริษัท Alibaba บริษัท E-Commerce ยักษ์ใหญ่ของจีน เข้าตลาดหุ้นนิวยอร์กในปี 2557 ทั้งนี้
การเข้าตลาดหุ้นของ Saudi Aramco ถือเป็นการเดิมพันครั้งสำคัญของซาอุดีอาระเบียและมีนัยต่อตลาดน้ำมันของโลกค่อนข้างมาก เนื่องจากซาอุดีอาระเบียจำเป็นต้องพยุงราคาน้ำมันเพื่อรักษามูลค่าตลาดของ Saudi Aramco โดยการประชุมประเทศในกลุ่มองค์กรร่วม
ประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออก (Organization of the Petroleum Exporting Countries : OPEC) และประเทศนอกกลุ่ม OPEC
นำโดยรัสเซีย หรือที่เรียกว่า OPEC+ ครั้งที่ผ่านมา
ซาอุดีอาระเบียสามารถโน้มน้าวให้ชาติสมาชิกปรับลดกำลังการผลิตรวมกันได้ถึง
1.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ขณะเดียวกัน ซาอุดีอาระเบียก็ประกาศว่าพร้อมที่จะลดกำลังการผลิตของตนเองลงอีก
4 แสนบาร์เรลต่อวันหากมีความจำเป็น ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นถึงราว 3% ภายใน 1 วันหลังการประชุม อย่างไรก็ตาม ในระยะถัดไปต้องจับตามองว่าซาอุดีอาระเบียซึ่งมีกำลังการผลิตราว 33% ของกลุ่ม OPEC จะสามารถพยุงราคาน้ำมันผ่านกลยุทธ์ข้างต้น
ได้มากน้อยเพียงใด ท่ามกลางอุปทานน้ำมันของสหรัฐฯ ที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
• การเร่งหาสมาชิกทดแทนของกลุ่ม OPEC ในช่วงที่ผ่านมากลุ่ม OPEC ดูจะมีบทบาทน้อยลงในเวทีน้ำมันโลก ส่วนหนึ่งเป็น
ผลจากหลายชาติทยอยออกจากการเป็นสมาชิกด้วยเหตุผลต่างกัน อาทิ กาตาร์ออกจาก OPEC เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2562 ส่วนหนึ่ง
เกิดจากถูกชาติอาหรับคว่ำบาตรเรื่องสนับสนุนการก่อการร้าย และล่าสุดเอกวาดอร์ก็จะออกจากการเป็นสมาชิกในวันที่ 1 มกราคม 2563
เนื่องจากต้องการเพิ่มรายได้จากการส่งออกน้ำมันและไม่ต้องการปรับลดกำลังการผลิตตามมติของกลุ่ม ปัจจัยดังกล่าวทำให้ OPEC
เร่งดำเนินแผนที่จะหาสมาชิกเข้ามาทดแทนเพื่อดึงบทบาทของตนกลับมาอีกครั้ง ล่าสุดซาอุดีอาระเบียได้ส่งเทียบเชิญบราซิลเข้ามา
เป็นสมาชิกใหม่ ซึ่งจะส่งผลต่อบทบาทของกลุ่ม OPEC ในการกำหนดราคาน้ำมันผ่านมาตรการปรับเพิ่มหรือลดกำลังการผลิต เนื่องจาก
บราซิลถือเป็นผู้ผลิตน้ำมัน Top 10 ของโลก โดยมีกำลังการผลิตที่ราว 3.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน คิดเป็นสัดส่วนราว 10% ของการผลิต
ทั้ง OPEC
• มาตรฐาน IMO 2020 หนุนราคาน้ำมัน วันที่ 1 มกราคม 2563 องค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (International Maritime
Organization : IMO) จะเริ่มบังคับใช้มาตรการ IMO 2020 ที่ให้เรือทั่วโลกเปลี่ยนการใช้น้ำมันเตากำมะถันสูง 3.5% มาเป็นไม่เกิน 0.5%
เพื่อลดมลพิษ ซึ่งทางเลือกระยะสั้นของผู้ประกอบการเดินเรือคือเปลี่ยนมาใช้น้ำมันดีเซลซึ่งมีค่ากำมะถันต่ำกว่าเกณฑ์ข้างต้น ทำให้
มีการคาดการณ์กันว่าน้ำมันดีเซลในโลกจะขาดแคลนหลายแสนบาร์เรลต่อวัน ปัจจัยดังกล่าวจะทำให้โรงกลั่นน้ำมันทั่วโลกมีความต้องการ
น้ำมันดิบมากขึ้นเพื่อกลั่นเป็นน้ำมันดีเซล
ซึ่งอาจช่วยดูดซับอุปทานน้ำมันดิบส่วนเกินของโลกได้ส่วนหนึ่ง
แม้ราคาน้ำมันที่ปรับลดลงในช่วงที่ผ่านมาจะส่งผลดีต่อประเทศผู้นำเข้าน้ำมันอย่างไทย โดยเฉพาะผู้บริโภคที่จะมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น
ตามราคาน้ำมันที่ปรับลดลง แต่ในอีกด้านหนึ่งก็ส่งผลกระทบต่อการส่งออกเช่นกัน เนื่องจากปัจจุบันไทยส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปและสินค้า
ที่เกี่ยวเนื่องกับราคาน้ำมัน อาทิ เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก ยางพารา และผลิตภัณฑ์ยาง คิดเป็นสัดส่วนราว 18% ของมูลค่าส่งออกรวม
โดยในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2562 มูลค่าส่งออกสินค้ากลุ่มดังกล่าวหดตัวถึง 10% ซึ่งมีส่วนสำคัญที่ฉุดให้มูลค่าส่งออกโดยรวมหดตัว
ขณะเดียวกัน หากพิจารณามูลค่าส่งออกของไทยไปยังประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ พบว่า หดตัวทุกประเทศ โดยในช่วง 10 เดือนแรก
ปี 2562 มูลค่าส่งออกของไทยไปยังตะวันออกกลางและรัสเซีย (คิดเป็นสัดส่วนราว 4% ของมูลค่าส่งออกรวม) หดตัว 3.7% และ 16.8%
ตามลำดับ จึงเป็นที่น่าจับตามองว่าทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ซึ่งแน่นอนว่าจะกระทบต่อการส่งออก
ของไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ |
|
|
 |
 |
|
Disclaimer : ข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏ เป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และการเผยแพร่ข้อมูลเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจเท่านั้น
โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยจะไม่รับผิดชอบในความเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ไม่ว่าโดยทางใด |
|
|
 |
|