|
ทั้งนี้ ข้อกำหนดฉบับใหม่ให้ใช้ FiT อัตราใหม่กับนักลงทุนที่ดำเนินการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2562 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563 เป็นระยะเวลา 20 ปี
เป็นที่น่าสังเกตว่า FiT อัตราใหม่ปรับลดลงจากอัตราเดิมที่ค่อนข้างสูง ซึ่งมีผลทำให้ธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ในเวียดนามเติบโตอย่างร้อนแรง การปรับลด FiT จึงเป็นการชะลอความร้อนแรงของการลงทุนและเป็นการควบคุมให้การพัฒนาธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ในเวียดนามเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ภายใต้ข้อกำหนดฉบับใหม่มีการเสนอ FiT อัตราพิเศษ ซึ่งเป็น FiT อัตราเดิมที่ 0.0935 ดอลลาร์สหรัฐต่อ kWh ให้กับโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่ลงทุนในจังหวัด Ninh Thuan ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางการลงทุนในธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ในเวียดนาม เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีความเข้มของแสงอาทิตย์สูงสุดและมีโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่ได้รับอนุมัติการลงทุนมากที่สุดในประเทศ โดยโครงการลงทุนที่ยังคงได้ FiT อัตราเดิม ต้องเป็นโครงการที่สามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ก่อนวันที่ 1 มกราคม 2564 และจะได้รับสิทธิ์ดังกล่าวก็ต่อเมื่อกำลังการผลิตรวมของจังหวัด Ninh Thuan ยังไม่เกิน 2,000 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ การประกาศใช้ข้อกำหนดฉบับใหม่ซึ่งช่วยสร้างความชัดเจนให้แก่นักลงทุน และสื่อให้เห็นทิศทางการสนับสนุนที่อาจลดลงในระยะต่อไป ทำให้คาดว่าโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่ได้รับอนุมัติการลงทุนแล้วจะเร่งดำเนินการภายในปี 2563 ดังนั้น การลงทุนโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในเวียดนามจะยังขยายตัวในปี 2563 สวนทางกับการลงทุนในธุรกิจอื่นที่มีแนวโน้มชะลอตัวจากวิกฤต COVID-19 อย่างไรก็ตาม การปรับลดอัตรา FiT ลงเป็นการส่งสัญญาณจากรัฐบาลเวียดนามที่ต้องการชะลอการลงทุนโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ลงในระยะถัดไป และอาจเปิดโอกาสให้กับการลงทุนพลังงานหมุนเวียนประเภทอื่น อาทิ พลังงานลม เข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้น เนื่องจากเวียดนามยังคงต้องการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้าเพื่อตอบสนองความต้องการใช้ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเฉลี่ยกว่า 8% ต่อปีในช่วง 15 ปีข้างหน้า |
|