เวียดนามเป็นประเทศดาวเด่นที่บริษัทต่างชาติเข้าไปปักหมุดขยายการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยสนับสนุนหลายด้าน
ทั้งตลาดขนาดใหญ่และความพร้อมด้านแรงงาน ไปจนถึงนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ ส่งผลให้ธุรกิจในเวียดนาม
มีความต้องการเงินทุนสำหรับใช้ในการดำเนินธุรกิจและการลงทุนเพิ่มขึ้นตามมา ซึ่งการกู้เงินจากต่างประเทศ (Offshore Loan) ถือเป็น
หนึ่งในแหล่งเงินทุนของธุรกิจในเวียดนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาตลาดการเงินโลกอยู่ในภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ
บริษัทในเวียดนามหลายแห่งจึงหันมาพึ่งพาเงินกู้จากต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งบางส่วนเป็นการนำเงินกู้ไปใช้ลงทุนในภาคธุรกิจที่มี
ความเสี่ยงสูง อาทิ อสังหาริมทรัพย์ ดังนั้น รัฐบาลเวียดนามจึงพยายามควบคุมการกู้เงินจากต่างประเทศให้เข้มงวดขึ้น โดยล่าสุด
ธนาคารกลางเวียดนามได้เผยแพร่ร่างกฎระเบียบฉบับใหม่ว่าด้วยเงื่อนไขการทำธุรกรรมที่เกี่ยวกับเงินกู้จากต่างประเทศที่
รัฐบาลไม่ได้เป็นผู้ค้ำประกัน
(Draft circular on conditions for enterprises’ offshore loans without government guarantee)
ซึ่งบทความนี้จะขอพาท่านผู้ประกอบการไปทำความรู้จักกับกฎระเบียบของ Offshore Loan ในเวียดนาม และประเด็นสำคัญของ
ร่างกฎหมายฉบับใหม่ ดังนี้
 
  ทำความรู้จัก Offshore Loan...ทางเลือกเงินกู้สำหรับผู้ประกอบการในเวียดนาม  
            ธนาคารกลางเวียดนามอนุญาตให้ทั้งบริษัทท้องถิ่นและบริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนและมีการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทในเวียดนาม สามารถกู้เงินจากต่างประเทศได้ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดและต้องได้รับการอนุมัติจากธนาคารกลางเวียดนาม ซึ่งโดยทั่วไปการกู้เงินจากต่างประเทศจะต้องดำเนินการตามขั้นตอน ดังนี้

          การลงทะเบียนกับธนาคารกลางเวียดนาม
             - การกู้ระยะสั้น (อายุเงินกู้ต่ำกว่า 1 ปี) ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนกับธนาคารกลางเวียดนาม
             - การกู้เงินระยะกลาง-ยาว (อายุมากกว่า 1 ปี) และเงินกู้ระยะสั้นที่มีเงื่อนไขการต่ออายุเงินกู้ได้มากกว่า 1 ปี จะต้องลงทะเบียนกับธนาคารกลางเวียดนาม โดยสามารถทำได้ 2 ช่องทาง คือ 1) การลงทะเบียนออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของธนาคารกลางเวียดนาม ซึ่งธนาคารกลางเวียดนามจะใช้เวลาอนุมัติ 12 วัน และ 2) การยื่นเอกสารด้วยตนเอง ซึ่งจะใช้เวลาอนุมัติ 15 วัน

          การเปิดบัญชีทุนกับธนาคารพาณิชย์ในเวียดนามที่ได้รับอนุญาต โดยการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับเงินกู้จากต่างประเทศทั้งการเบิกจ่ายเงินกู้และชำระคืนเงินกู้ จะต้องทำผ่านบัญชีที่ธนาคารกลางเวียดนามกำหนด โดยการกู้เงินจากต่างประเทศประเภทเงินกู้ระยะกลาง-ยาว จะต้องทำธุรกรรมผ่านบัญชี Direct Investment Capital Account (DICA) ขณะที่เงินกู้ระยะสั้นสามารถทำธุรกรรมผ่านบัญชี DICA และ Offshore Loan Account (OLA) โดยผู้ประกอบการต้องเปิดบัญชีดังกล่าวกับธนาคารพาณิชย์ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
 
  เงื่อนไขใหม่ในการกู้ Offshore Loan ที่ผู้ประกอบการควรรู้  
            เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2565 ธนาคารกลางเวียดนามได้เผยแพร่ร่างกฎระเบียบฉบับใหม่ว่าด้วยเงื่อนไขการทำธุรกรรมที่
เกี่ยวกับเงินกู้จากต่างประเทศที่รัฐบาลไม่ได้เป็นผู้ค้ำประกัน
โดยร่างกฎระเบียบฉบับนี้มีการเพิ่มเงื่อนไขการกู้ยืมเงินจากต่างประเทศ
ที่เข้มงวดมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงด้านภาระหนี้ต่างประเทศของเวียดนามและสนับสนุนการนำเงินกู้ไปลงทุนในธุรกิจที่เกิดประโยชน์
ต่อการพัฒนาประเทศ ซึ่งมีรายละเอียดพอสังเขป ดังนี้
 
  การกำหนดเพดานต้นทุนการกู้ Offshore Loan  
            ร่างกฎระเบียบใหม่มีการกำหนดเพดานต้นทุนการกู้ Offshore Loan โดยต้นทุนดังกล่าวรวมอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ มาคำนวณเป็นอัตราร้อยละต่อปีของเงินต้นทั้งหมด ซึ่งต้องไม่เกินอัตราเพดานที่ธนาคารกลางของเวียดนามกำหนดไว้ ดังนี้  
  1. Offshore Loan ที่เป็นสกุลเงินต่างประเทศ :
     - กรณีใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง (Reference Rate)* ในการทำธุรกรรมเงินกู้
          เพดานต้นทุนการกู้เงิน = อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง + 8% ต่อปี
     - กรณีอื่น ๆ ที่ไม่ใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง
          เพดานต้นทุนการกู้เงิน = อัตราดอกเบี้ย Secured Overnight Financing Rate (SOFR)** + 8% ต่อปี
 
  2. Offshore Loan ในสกุลเงินด่อง :
          เพดานต้นทุนการกู้เงิน = อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลเวียดนาม + 8% ต่อปี
 
  หมายเหตุ : * อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง คือ อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกลางกำหนดขึ้นสำหรับใช้อ้างอิงในการทำธุรกรรมทางการเงินต่าง ๆ
    ** อัตราดอกเบี้ย Secured Overnight Financing Rate คือ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะข้ามคืนโดยมีพันธบัตรรัฐบาลเป็นหลักประกัน
  การป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน  
            ร่างกฎระเบียบฉบับใหม่กำหนดให้ผู้กู้ Offshore Loan ต้องใช้เครื่องมือทางการเงินเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX Hedging) อาทิ Forward Contract, FX Swap และ FX Options เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงินและเพื่อให้สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ภายใต้เงื่อนไขดังต่อไปนี้  
  Offshore Loan ระยะสั้นที่มีวงเงินมากกว่าหรือเท่ากับ 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ ผู้กู้จะต้องดำเนินการปิดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนไม่ต่ำกว่า 30% ของจำนวนเงินที่เบิกจ่ายจริง และต้องดำเนินการปิดความเสี่ยงก่อนหรือภายในวันที่เบิกจ่ายในแต่ละครั้ง  
  Offshore Loan ระยะกลาง-ยาวที่ยอดชำระคืนเงินกู้ (เฉพาะเงินต้น) ในแต่ละงวดมากกว่าหรือเท่ากับ 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ ผู้กู้จะต้องดำเนินการปิดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนไม่ต่ำกว่า 30% ของยอดชำระคืนเงินกู้งวดนั้น ๆ โดยจะต้องดำเนินการปิดความเสี่ยงอย่างน้อย 3 เดือนก่อนวันครบกำหนดชำระเงินในแต่ละครั้ง  
            อย่างไรก็ตาม ผู้กู้บางกลุ่มอาจได้รับการยกเว้นจากข้อกำหนดดังกล่าว อาทิ ผู้กู้ที่เป็นสถาบันการเงิน (Credit Institution) และ
สาขาของธนาคารต่างชาติ (Foreign Bank Branches) รวมถึงผู้กู้ที่มีรายได้เป็นเงินตราต่างประเทศเพียงพอสำหรับการชำระคืนเงินกู้ ทั้งนี้ ผู้กู้ที่ทำสัญญากู้ยืม Offshore Loan เสร็จสิ้นก่อนวันที่ร่างกฎระเบียบฉบับใหม่นี้มีผลบังคับใช้ จะต้องใช้เครื่องมือทางการเงิน
เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนหากยังมีการเบิกจ่ายไม่ครบวงเงินหรือยังชำระคืนเงินกู้ไม่ครบจำนวน
 
  ข้อจำกัดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัตถุประสงค์การนำเงินกู้ Offshore Loan ไปใช้  
            ร่างกฎระเบียบฉบับใหม่มีการปรับเปลี่ยนวัตถุประสงค์การนำเงินกู้ Offshore Loan บางประเภทไปใช้สำหรับผู้กู้ที่ไม่ใช่สถาบันการเงินและสาขาของธนาคารต่างชาติ โดยเงินกู้ระยะสั้นใช้ได้เฉพาะกับการชำระหนี้ระยะสั้นหรือหนี้ที่จะครบกำหนดชำระภายใน 12 เดือนนับจากวันที่ทำสัญญากู้ยืม และไม่สามารถนำไปใช้ในการซื้อขายหลักทรัพย์ การโอนโครงการ (Project Transfer) และการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่เงินกู้ระยะกลาง-ยาว นำไปใช้ได้ใน 3 กรณี คือ สำหรับการลงทุนในโครงการของผู้กู้ สำหรับการเพิ่มทุนเพื่อขยายธุรกิจของผู้กู้ และสำหรับการรีไฟแนนซ์ (Refinance) เงินกู้ต่างประเทศที่ผู้กู้มีอยู่เดิม  
  ผลกระทบต่อการลงทุนในเวียดนาม  
  การบังคับให้มีการใช้เครื่องมือทางการเงินเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับวงเงินกู้ที่เข้าเกณฑ์ที่
กำหนดมีแนวโน้มทำให้ต้นทุนการกู้ยืม Offshore Loan ในเวียดนามปรับสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการดังกล่าว
จะช่วยทำให้การกู้ Offshore Loan ของเวียดนามมีความรัดกุมและปลอดภัยจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกมากขึ้น
 
  การกำหนดเพดานต้นทุนเงินกู้ Offshore Loan คาดว่าไม่กระทบการลงทุนของไทยในเวียดนาม เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยของไทยที่อยู่ในระดับต่ำ (อัตราดอกเบี้ย MLR เฉลี่ยของไทย ณ วันที่ 21 มิถุนายน 2565 อยู่ที่ 6.24%) ช่วยให้สถาบันการเงินไทยส่วนใหญ่ยังสามารถเสนอเงินกู้ให้กับโครงการลงทุนของไทยได้ในต้นทุนที่ต่ำกว่าระดับ
เพดานที่เวียดนามกำหนด แม้จะรวมค่าธรรมเนียมธุรกรรมต่าง ๆ แล้วก็ตาม
 
            ปัจจุบันแม้ร่างกฎระเบียบดังกล่าวจะยังไม่มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ โดยรายละเอียดในขั้นสุดท้ายยังต้องได้รับการอนุมัติเพิ่มเติมจากรัฐบาลเวียดนาม แต่การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวถือเป็นประเด็นที่ผู้ประกอบการในเวียดนามควรรับทราบและทำความเข้าใจแต่เนิ่น ๆ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือและสามารถบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินที่อาจเพิ่มขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ  
  Disclaimer : ข้อมูลต่าง ๆ ที่ปรากฏ เป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และการเผยแพร่ข้อมูลเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจเท่านั้น
โดย EXIM BANK จะไม่รับผิดชอบในความเสียหายใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ไม่ว่าโดยทางใด
 
  ที่มาของรูปภาพ : Freepik, Maxim Basinski Premium, Smashingstocks from www.flaticon.com  
  หน้าหลัก  I  Share โลกเศรษฐกิจ  I  เปิดประตูสู่ตลาดใหม่  I  ส่องเทรนด์โลก  I  เกร็ดการเงินระหว่างประเทศ
แนะนำบริการ  I  สรุปข่าว