|
EXIM E-NEWS ฉบับนี้ ขอถ่ายทอดบทสนทนากับคุณวุฒิชัย ชัยกุล หนึ่งในผู้บริหาร บริษัท เจ.วินเซ้นท์ (ประเทศไทย)
จำกัด ในโอกาสให้สัมภาษณ์รายการเดินหน้าประเทศไทยเมื่อต้นเดือนมีนาคม 2562 ที่ผ่านมา เกี่ยวกับประสบการณ์การเริ่มต้นและ
ขยายธุรกิจเฟอร์นิเจอร์หุ้มด้วยหนังวัวและผ้า ส่งออกไปตลาดหลักอย่างสหราชอาณาจักร ตะวันออกกลาง และเอเชีย ทำรายได้ให้เติบโต
อย่างก้าวกระโดดน่าพอใจเพราะยึดหลักการบริหารจัดการความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศ โดยการสนับสนุนจาก EXIM BANK
ทั้งด้านเงินทุน และบริการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนและการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศ
ที่มาของธุรกิจ
เดิมผมทำงานเป็นผู้บริหารบริษัทเฟอร์นิเจอร์ มองเห็นช่องว่างในตลาดเฟอร์นิเจอร์ระดับ High-end ที่ยังสามารถเติบโตได้อีก
จึงออกมาตั้งบริษัทผลิตและส่งออกเฟอร์นิเจอร์ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการเมื่อปี 2555 โดยนำเข้าวัตถุดิบ High-end มาผลิตเป็น
เฟอร์นิเจอร์หุ้มด้วยหนังวัวและผ้า รวมทั้งคัดสรรผู้ผลิตวัตถุดิบ เช่น ฟองน้ำ ไฟเบอร์ ที่มีคุณภาพ มีอายุการใช้งานที่ทนทาน ตอบสนอง
ความต้องการลูกค้าในตลาดระดับบนได้ ตลาดส่งออกหลัก ได้แก่ สหราชอาณาจักร รองลงมาคือ ตะวันออกกลาง จีน ญี่ปุ่น และมีแผน
จะรุกเข้าตลาดสหรัฐอเมริกาในปีหน้า
จุดเด่นของผลิตภัณฑ์
สินค้าของเรามีคุณภาพสูงมาก โดยการนำวัตถุดิบระดับ High-end มาผลิตเป็นเฟอร์นิเจอร์เกรดเอ แต่ขายในราคาระดับกลาง
เพราะเรามีศักยภาพในการบริหารจัดการการผลิต และประสบการณ์ที่ยาวนาน มีแรงงานที่เชี่ยวชาญ รวมถึงการบริหารต้นทุนการผลิต
การตลาด ให้สามารถทำรายได้ได้อย่างมั่นคง ทั้งนี้ บริษัท ได้รับการรับรองมาตรฐานด้านวัตถุดิบครบถ้วน (FR TEST) สำหรับการส่งออก
ไปต่างประเทศ
เนื่องจากเฟอร์นิเจอร์เป็นงานฝีมือ (Handmade 100%) จุดเด่นที่สุดของเราจึงได้แก่ แรงงานฝีมือจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่
ทำงานและผ่านการฝึกฝนจนเชี่ยวชาญ พนักงานเหล่านี้ทำงานด้วยใจรักและสนใจในงานที่รับผิดชอบ สามารถทำงานได้หลายรูปแบบ
ทำให้บริษัทสามารถรับงานได้จำนวนมาก ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้หลากหลายและต่างภูมิภาค
อุปสรรคและความท้าทายในการทำธุรกิจระหว่างประเทศ
อุปสรรคสำคัญคือ เงินทุน เพราะลูกค้าในธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ มักต้องการเครดิตเทอมยาวๆ ขณะที่คู่แข่งอย่างจีน พร้อมจะรับเงื่อนไขนี้
เราจึงต้องแข่งขันกับจีนให้ได้ โดยใช้สถาบันการเงินเป็นที่ปรึกษาและเสนอเครื่องมือทางการเงินให้กับบริษัท นั่นคือ EXIM BANK ซึ่งมี
ทั้งบริการด้านเงินทุนหมุนเวียน และบริการประกันการส่งออกที่ช่วยให้เรากล้าเสนอเทอมการชำระเงินทางการค้าระหว่างประเทศที่
แข่งขันได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศ
นอกจากนี้ อุปสรรคอีกประการหนึ่งคือ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้บริษัทซึ่งต้องทั้งรับและจ่ายเป็นเงินสกุลต่างประเทศ
ต้องบริหารจัดการต้นทุนอย่างรอบคอบ โดยใช้บริการสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้ากับ EXIM BANK มิเช่นนั้น เราจะ
ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนทันที เช่น เมื่อค่าเงินปอนด์ผันผวนในเช่นปัจจุบัน รายได้เราจะหายไปทันที และนั่นเป็นสิ่งที่ผู้ทำธุรกิจ
ไม่จำเป็นต้องแบกรับความเสี่ยงนี้ เพราะเป็นความเสี่ยงที่ปิดได้
ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์มีช่วงเวลาผลิตและส่งออกเป็นฤดูกาล สินค้ารุ่นหนึ่งๆ ใช้เวลาประมาณ 6 เดือนในการยืนราคาขายเป็นอย่างต่ำ
ผมเคยเห็นกรณีที่บริษัทประสบปัญหาขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนในกรณีที่ไม่ทำประกันไว้ ทางออกมี 2 ทาง ประการแรกคือ ยอมขาดทุน
ซึ่งแน่นอนว่ามูลค่าการผลิตในแต่ละล็อตไม่น้อยเลยทีเดียว บริษัทอาจถึงขั้นล้มทั้งยืน หรือขอลูกค้าขึ้นราคาค่าสินค้า ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่
มักจะไม่ยอมรับหรือไม่ก็หันไปหาผู้ผลิตอื่น ผลที่ตามมาคือบริษัทเสียลูกค้า เรียกว่าได้ไม่คุ้มเสีย
เป้าหมายธุรกิจ
เราตั้งใจจะขยายตลาดมากขึ้น ปีหน้าจะขยายตลาดไปสหรัฐอเมริกา และตลาดในเอเชีย เช่น สิงคโปร์ เพราะบทเรียนสอนเราว่า
การพึ่งตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไป เป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่ง เราดำเนินธุรกิจบนหลักการบริหารความเสี่ยงในทุกด้าน
ฝากถึงผู้ประกอบการ
การค้าขายระหว่างประเทศต้องไม่เสี่ยงครับ เราควรทุ่มเทเวลาให้การพัฒนาศักยภาพการผลิต การบริหารจัดการสินค้า ตั้งแต่
ขั้นตอนการคัดสรรวัตถุดิบ การผลิต การตรวจคุณภาพสินค้า การคำนวณค่าขนส่ง และมีที่ปรึกษาทางการเงิน ดูแลด้านเงินทุนและ
เครื่องมือทางการเงินที่ช่วยบริหารความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศ เพื่อให้ธุรกิจค่อยๆ เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในทุกตลาด
ที่ต้องการ |
|