ในทุกประเทศ ภาคการเงินและการธนาคารนับว่ามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนธุรกิจ นอกจากนี้ รูปแบบหรือ
ลักษณะของธุรกรรมทางการเงินของประเทศคู่ค้าและคู่แข่งก็มีผลต่อการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะ
ในระบบเศรษฐกิจแบบเปิดที่สินค้าและบริการมีการไหลเวียนเข้าออกจำนวนมากเฉกเช่นประเทศไทย บทความเกร็ดการเงิน
ระหว่างประเทศ
จึงเกิดขึ้นเพื่อเป็นช่องทางในการนำเสนอข้อมูลทางการเงินในประเทศต่างๆ ให้แก่ผู้ประกอบการ โดยหวังว่าจะเป็น
ประโยชน์และช่วยเพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้ประกอบการในการลงสนามการค้าโลก

           เริ่มต้นบทความแรกด้วยเรื่องของการทำธุรกรรมทางการเงินกับเมียนมา ที่เดิมเราอาจจะเห็นว่าการค้ากับประเทศเมียนมา
ส่วนใหญ่ทำผ่าน Trader ชายแดน และชำระเงินกันในระบบโพยก๊วน แต่หลังจากสหรัฐฯ ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ
ที่มีต่อเมียนมาตั้งแต่ปี 2559 ประกอบกับนโยบายเศรษฐกิจที่เปิดกว้างมากขึ้นก็ทำให้ภาคธนาคารของเมียนมาพัฒนาขึ้นอย่างมาก
ขณะเดียวกันมูลค่าการค้าขายกับเมียนมาที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและเป็นไปตามมาตรฐานสากลมากขึ้น ทำให้การทำธุรกรรมทางการเงิน
ระหว่างประเทศผ่านระบบธนาคารกลายเป็นสิ่งจำเป็น ผู้ประกอบการจึงควรทำความรู้จักธนาคารสำคัญในเมียนมา โดยเฉพาะธนาคาร
ของรัฐ เนื่องจากถือเป็นธนาคารที่มีบทบาทสำคัญในการทำธุรกรรมทางการเงินในปัจจุบัน ทั้งนี้ ธนาคารรัฐในเมียนมามีทั้งหมด 4 แห่ง
ได้แก่
          Myanma Economic Bank (MEB) ถือเป็นธนาคารใหญ่อันดับสองของเมียนมาในแง่ศักยภาพของการเข้าถึงลูกค้า
(รองจาก KBZ Bank ซึ่งเป็นธนาคารเอกชน) โดยมีสาขาราว 350 แห่ง และมีพนักงานราว 9 พันราย ซึ่งด้วยสาขาที่มีจำนวนมาก
ทำให้เป็นธนาคารที่เข้าถึงชาวเมียนมาในพื้นที่ชนบท (70% ของชาวเมียนมาทั้งประเทศ) อย่างไรก็ตาม สำหรับด้านการ
ปล่อยสินเชื่อ MEB เน้นสนับสนุนทางการเงินให้กับภาครัฐเป็นหลัก อาทิ การเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล การสนับสนุนทางการเงินกับ
รัฐวิสาหกิจ และการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้กับธนาคารรัฐอื่นๆ ขณะที่การสนับสนุนทางการเงินกับภาคเอกชนในเมียนมามีสัดส่วน
น้อยกว่า (ต่ำกว่า 10% ของสินทรัพย์ของธนาคาร)
          Myanma Foreign Trade Bank (MFTB) เป็นธนาคารที่เน้นให้บริการทางการเงินด้านการค้าระหว่างประเทศด้วย
เครือข่าย Correspondent Bank กว่า 263 ธนาคาร ใน 54 ประเทศทั่วโลก ถือเป็นธนาคารที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการเลือก
เปิดบัญชีเงินตราต่างประเทศ
          Myanma Investment and Commercial Bank (MICB) มีขนาดเล็กกว่า MEB และ MFTB อีกทั้งยังให้บริการที่
คล้ายคลึงกับทั้งสองธนาคารไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนทางการเงินแก่ธุรกิจในประเทศและธุรกิจระหว่างประเทศ แต่จุดเด่นของ MICB
คือ การเน้นสนับสนุนผู้ประกอบการภาคเอกชนเป็นหลัก เพื่อช่วยสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเมียนมา
          Myanma Agricultural and Development Bank (MADB) เน้นให้บริการแก่เกษตรกรและผู้ประกอบการในพื้นที่
ชนบททั้งสินเชื่อระยะสั้นและสินเชื่อระยะยาว มีลูกค้าราว 2 ล้านราย พนักงานราว 2,500 คน และสาขา 230 แห่งทั่วประเทศ

           ทั้งนี้ สำหรับด้านการค้าระหว่างประเทศ ธนาคารรัฐอย่าง MFTB และ MICB ถือเป็นธนาคารที่ควรทำความรู้จัก เนื่องจาก
เป็นธนาคารที่มีประสบการณ์ด้านธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศมายาวนาน ประกอบกับเป็นธนาคารที่รัฐสนับสนุนจึงมีความน่าเชื่อถือ
ค่อนข้างสูง และมีโอกาสที่คู่ค้าชาวเมียนมาจะใช้บริการทางการเงินจากธนาคารทั้งสองแห่ง อาทิ การโอนเงินระหว่างประเทศและ
การเปิด L/C
 
  เกร็ดน่ารู้ : พัฒนาการของภาคธนาคารในเมียนมา  
           ภาคธนาคารในเมียนมาถือว่าขาดการพัฒนาในช่วงปี 2506-2533 ซึ่งเป็นช่วงการปฏิวัติยึดอำนาจของนายพลเนวิน
โดยมีการยึดครองธนาคารเอกชนเป็นธนาคารของรัฐและมีการดำเนินธุรกิจธนาคารในรูปแบบสังคมนิยม ต่อมาหลังจาก
นายพลเนวินลงจากอำนาจ รัฐบาลเมียนมาได้ออกกฎหมายทางการเงินฉบับใหม่ในปี 2533 ได้แก่ Central Bank of
Myanmar Law และ Financial Institutions of Myanmar Laws อีกทั้งมีการออกใบอนุญาตธนาคารเอกชนแห่งแรกในปี
2535 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาภาคธนาคารเมียนมาครั้งสำคัญ อย่างไรก็ตาม ภาคธนาคารของเมียนมาต้องเผชิญ
อุปสรรคอีกครั้งเมื่อสหรัฐฯ ใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกับเมียนมาในปี 2543 และต่อมาเกิดวิกฤตการทางเงิน
ในเมียนมาราวปี 2546 เนื่องจากบริษัท Trading หลายรายของเมียนมา ซึ่งอีกด้านหนึ่งเป็นผู้ให้บริการธุรกรรมทางการเงิน
นอกระบบ ประสบปัญหาทางการเงินจนลุกลามไปถึงสภาพคล่องของธนาคารในเมียนมา จนนำไปสู่การปิดตัวของธนาคาร
เอกชนหลักของเมียนมาในช่วงเวลาดังกล่าว 3 แห่ง ได้แก่ Asia Wealth Bank, Mayflower Bank และ Myanmar Universal
Bank และส่งผลต่อเนื่องให้ธนาคารกลางเมียนมาต้องออกมาตรฐานสถาบันการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น อาทิ อัตราส่วนเงินทุน
ต่อเงินฝากในระดับสูง และการกำหนดหลักทรัพย์ค้ำประกันที่เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งถือเป็นหนึ่งในอุปสรรคต่อการขยายตัว
ของภาคการเงินในช่วง 10 ปีถัดมา ทั้งนี้ หลังจากวิกฤตการเงินดังกล่าวของเมียนมา ภาคธนาคารของเมียนมาเริ่มเข้าสู่
ช่วงของการพัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป ภายใต้นโยบายของรัฐบาลที่เข้มงวดในการอนุญาตจัดตั้งสถาบันการเงินใหม่ ทำให้
ธนาคารของรัฐ ได้แก่ MEB MFTB MICB และ MADB เป็นธนาคารหลักในการขับเคลี่อนธุรกิจการเงินในเมียนมาในระยะถัดมา
จนถึงปัจจุบัน

         อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ต้องติดตามในระยะข้างหน้า คือ ความท้าทายใหม่ที่ธนาคารรัฐต้องเผชิญ โดยเฉพาะ
การแข่งขันจากธนาคารเอกชนที่รุนแรงขึ้นหลังเมียนมาออก Central Bank of Myanmar Law ฉบับล่าสุดในปี 2556 ซึ่งให้
ธนาคารกลางทำหน้าที่เป็นองค์กรอิสระในการดูแลภาคการเงินและการธนาคาร และเปิดโอกาสให้ธนาคารกลางเมียนมา
ดำเนินนโยบายการเงินการธนาคารที่เสรีมากขึ้น โดยมีการออกใบอนุญาตให้กับธนาคารเอกชนใหม่หลายแห่ง นอกจากนี้
ธนาคารรัฐอย่าง MEB ต้องเผชิญกับผลการดำเนินงานส่วนใหญ่ที่อยู่ในภาวะขาดทุน เนื่องจากต้องดำเนินงานในลักษณะ
ที่สนองนโยบายภาครัฐเป็นหลัก ส่วน MADB ต้องสนับสนุนภาคเกษตรกรรมของเมียนมาเป็นหลัก ทำให้ผลการดำเนินงาน
ขึ้นกับสินค้าเกษตรไม่กี่ประเภท ประกอบกับส่วนต่างกำไรที่อยู่ในระดับต่ำ ทำให้ MADB ต้องเผชิญภาวะขาดทุนเช่นเดียวกัน
ดังนั้น จึงต้องติดตามกันต่อไปว่าปัจจุบันรัฐบาลเมียนมามีแผนที่จะปฏิรูปธนาคารของรัฐดังกล่าวอย่างไรในระยะข้างหน้า
 
  หน้าหลัก   I   Share โลกเศรษฐกิจ   I   เรื่องเล่าระหว่างทาง   I   รู้ทันเกมการค้า
เกร็ดการเงินระหว่างประเทศ   I   แวดวงคู่ค้า   I   แนะนำบริการ   I   สรุปข่าว