ประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดและการเติบโตทางเศรษฐกิจของหลายประเทศส่งผลให้เกิดความต้องการใช้ทรัพยากร
มากขึ้น สวนทางกับทรัพยากรของโลกที่มีจำกัด European Commission คาดว่า หากการใช้ทรัพยากรโลกยังอยู่ในระดับปัจจุบัน
ภายในปี 2573 จะต้องมีโลกถึง 2 ใบ จึงจะมีทรัพยากรเพียงพอในการสนองความต้องการใช้ของคนทั้งโลก ทำให้การหาทางลดการใช้
หรือการนำทรัพยากรที่ใช้แล้วหมุนเวียนมาใช้ใหม่ตามแนวคิด Circular Economy ได้รับความสนใจอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
พร้อมคาดกันว่า Circular Economy จะส่งผลต่อการกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมและธุรกิจของโลกนับจากนี้ และมีส่วนช่วย
ขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไปสู่ความยั่งยืนในระยะยาว ตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals :
SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ

ทำความรู้จัก Circular Economy
          Circular Economy หรือเศรษฐกิจหมุนเวียน คือ ระบบเศรษฐกิจที่เน้นการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ภายใต้แนวคิด
“ผลิต-ใช้-นำกลับมาใช้ใหม่” (Make-Use-Return) ต่างจากเศรษฐกิจแบบเส้นตรง (Linear Economy) ที่เน้นทำกำไรให้มากที่สุด
ด้วยแนวคิด “ผลิต-ใช้-ทิ้ง” (Make-Use-Dispose) โดยละเลยถึงผลที่จะตามมา ซึ่งปัจจุบันพบว่าหลายประเทศหันมาใส่ใจและกำหนด
มาตรการต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน อาทิ EU ประกาศใช้ 2018 Circular Economy Action Package โดยตั้งเป้า
ลดขยะพลาสติก ลดการฝังกลบขยะและเพิ่มการรีไซเคิล ญี่ปุ่นปลูกฝังจิตสำนึกในการคัดแยกขยะ และคิดค่ากำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์
รวมไว้กับค่าสินค้า รวมถึงหลายประเทศในอาเซียน เช่น สิงคโปร์ตั้งเป้าเป็นประเทศที่ไม่มีขยะ (Zero Waste Nation) โดยเบื้องต้นจะลด
ปริมาณขยะที่เข้าสู่บ่อกำจัดขยะจากวันละ 0.36 กิโลกรัมต่อคนในปี 2561 เหลือวันละ 0.25 กิโลกรัมต่อคนภายในปี 2573 และเวียดนาม
ตั้งเป้าหมายว่าจะยกเลิกการใช้พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งภายในปี 2568 ตัวอย่างเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงการตื่นตัวของทุกประเทศ
และจะมีส่วนผลักดันให้ผู้ประกอบการในทุกธุรกิจต้องปรับตัวตามไปด้วย นอกเหนือจากแรงผลักดันจากฝั่งผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
มากขึ้น

การปรับโมเดลธุรกิจไปสู่ความยั่งยืน
          ปัจจุบันพบว่าธุรกิจขนาดใหญ่ทั่วโลกหลายธุรกิจเริ่มปรับตัวตามแนวคิด Circular Economy ผ่านโมเดลธุรกิจต่าง ๆ อาทิ
          Circular Supply Chain เป็นโมเดลธุรกิจที่เน้นการใช้ทรัพยากรตลอดกระบวนการผลิตให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยให้
ความสำคัญกับการเลือกใช้วัตถุดิบ ด้วยการนำวัสดุรีไซเคิล วัสดุชีวภาพ หรือวัสดุที่นำไปรีไซเคิลได้ทั้งหมดมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต
สินค้า รวมถึงการใช้พลังงานหมุนเวียนในกระบวนการผลิต เพื่อลดการใช้ทรัพยากร โดยเฉพาะทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไป และลด
การเกิดของเสียจากการผลิต ตัวอย่างเช่น MOGU บริษัทจากอิตาลีที่หันมาพัฒนาวัสดุชีวภาพสำหรับตกแต่งภายในอาคารที่พัฒนา
แผ่นปูพื้นและแผ่นบุผนังจากเส้นใยพืชและกลุ่มใยรา ด้วยการเพาะเลี้ยงใยราบนต้นพืช เมื่อใยรากินเซลลูโลสในต้นพืชแล้ว จะเติบโตขึ้น
และแผ่โครงสร้างทางอินทรีย์อุดช่องว่างของต้นพืช จึงทำให้เกิดวัสดุชีวภาพชนิดใหม่ขึ้น จากนั้นจึงนำไปทำให้แห้งและผ่านกระบวนการ
อัดด้วยความร้อนสูง จนได้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหนักเบา เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ของแบรนด์อื่นในตลาด อีกทั้งมีคุณสมบัติยืดหยุ่นและ
ดูดซับเสียงได้ดี สามารถสั่งผลิตได้ตามขนาด ลักษณะผิวสัมผัส ความหนา และสีสันที่ต้องการ จึงตอบโจทย์ความต้องการใช้ใน
ภาคอุตสาหกรรม
  แผ่นปูพื้นและแผ่นบุผนัง MOGU  
  ที่มา : https://mogu.bio/acoustic/
            Product as a Service เป็นโมเดลธุรกิจที่เจ้าของสินค้านำสินค้ามาให้บริการกับผู้ใช้สินค้าในรูปแบบของการเช่าหรือการจ่าย
เมื่อต้องการใช้งาน (pay-for-use) โดยไม่ต้องซื้อขาด จึงช่วยลดภาระให้แก่ผู้ใช้สินค้า เนื่องจากไม่ต้องชำระเงินค่าสินค้าเต็มมูลค่า อีกทั้งยังช่วยลดภาระในการดูแลหรือบำรุงรักษาสินค้า เพราะผู้ให้บริการจะทำหน้าที่ดังกล่าวแทน ตัวอย่างเช่น Michelin ผู้ผลิตและ
จำหน่ายยางรถยนต์รายใหญ่ของโลกที่เปิดให้ลูกค้าเช่าใช้ยางรถยนต์ ภายใต้แนวคิด “Tires as a service” โดยคิดค่าเช่ายางรถยนต์
ตามระยะทางที่ลูกค้าใช้งาน และบริษัทฯ เป็นฝ่ายดูแลคุณภาพยางรถยนต์ตลอดอายุการใช้งาน อีกทั้งเมื่อยางรถยนต์ใช้งานไม่ได้แล้ว
บริษัทฯ จะรวบรวมและนำเข้าสู่กระบวนการผลิตยางรถยนต์ใหม่ต่อไป นอกจากโมเดล Product as a Service จะมีส่วนช่วยลดปัญหา
การรวบรวมสินค้าที่หมดอายุใช้งานไปจัดการต่อ เพราะเจ้าของสินค้าเป็นฝ่ายรวบรวมไปจัดการเองแล้ว โมเดลการเช่าใช้งาน
ยังเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ได้อัปเกรดสินค้าเป็นรุ่นใหม่ได้ โดยไม่ต้องซื้อสินค้าใหม่ทุกครั้ง ดังเช่นกรณีของ Gerrard Street บริษัท
สตาร์ตอัพจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ผู้ให้บริการเช่าใช้หูฟังเป็นรายเดือน ที่ออกแบบหูฟังแบบ Modular ซึ่งสามารถถอดประกอบเอง
ได้ง่ายโดยไม่ต้องใช้กาว ทำให้การปรับเปลี่ยนชิ้นส่วนทำได้สะดวก โดยเมื่อมีชิ้นส่วนใดเสียหาย หรือเมื่อมีหูฟังรุ่นใหม่ออกมา
ผู้ใช้สามารถส่งชิ้นส่วนที่เสียหรือหูฟังรุ่นเก่ามาเปลี่ยนที่บริษัทได้ฟรี จึงช่วยลดปัญหาขยะที่เกิดจากการทิ้งหูฟังรุ่นเก่าที่ยังใช้งานได้เพื่อ
ไปซื้อรุ่นใหม่และลดปัญหาขยะจากการทิ้งหูฟังทั้งชิ้น ทั้ง ๆ ที่มีเพียงส่วนใดส่วนหนึ่งเสียหายเท่านั้น
  หูฟัง Gerrard Street  
  ที่มา : https://medium.com
            Resource Recovery เป็นโมเดลที่เน้นการใช้ทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด หรือเกิดประโยชน์มากที่สุดเช่นเดียวกับ
Circular Supply Chain แต่ต่างกันที่ Circular Supply Chain จะให้ความสำคัญกับการเลือกใช้วัตถุดิบและพลังงานที่นำมาใช้ในการผลิต
(Inputs) ในขณะที่ Resource Recovery จะเน้นจัดการของเสีย (Waste) หรือผลพลอยได้ (By Product) ที่เหลือจากกระบวนการผลิต
โดยจะพยายามดึงส่วนที่ยังใช้งานได้หรือพลังงานที่แฝงอยู่ในของเสียหรือผลพลอยได้ออกมาใช้ให้คุ้มค่าที่สุด โมเดลนี้จึงเหมาะกับ
ธุรกิจที่มีผลพลอยได้หรือของเสียจากกระบวนการผลิตเป็นจำนวนมาก อาทิ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอาหาร ตัวอย่างเช่น Kroger (ธุรกิจ
ค้าปลีกในสหรัฐฯ) รวบรวมขยะอาหารจากสาขาของบริษัทฯ ราววันละ 150 ตัน มาเข้าสู่กระบวนการหมักเพื่อผลิตก๊าซชีวภาพและ
นำไปผลิตกระแสไฟฟ้าใช้ในสำนักงานและศูนย์กระจายสินค้าของบริษัทฯ โดยสามารถผลิตไฟฟ้าได้ถึงร้อยละ 20 ของปริมาณไฟฟ้า
ที่ใช้ทั้งหมด นอกจากนี้ ก๊าซชีวภาพที่ผลิตได้ยังช่วยลดการใช้ก๊าซธรรมชาติลงถึงร้อยละ 95

          สำหรับประเทศไทย รัฐบาลได้นำแนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจแบบ “BCG Model” ซึ่งเป็นการบูรณาการแนวคิดการพัฒนา
เศรษฐกิจใน 3 มิติ ได้แก่ Bio Economy (เศรษฐกิจชีวภาพ) Circular Economy (เศรษฐกิจหมุนเวียน) และ Green Economy
(เศรษฐกิจสีเขียว) มาใช้วางแนวทางในการพัฒนาประเทศ เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า สามารถนำทรัพยากรที่ใช้แล้วกลับมา
ใช้ใหม่ และปล่อยของเสียออกสู่สภาพแวดล้อมให้น้อยที่สุด ขณะที่ภาคเอกชนก็ตื่นตัวกับกระแสดังกล่าวเช่นเดียวกัน โดยปัจจุบัน
พบว่าผู้ประกอบการรายใหญ่อย่าง SCG ได้นำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้ในการดำเนินธุรกิจแล้ว เช่น การผลิตกระดาษลูกฟูก
ที่ใช้วัตถุดิบลดลงร้อยละ 25 แต่ยังคงความแข็งแรงได้เท่าเดิม และ PTTGC ที่รวบรวมขยะขวดพลาสติก PET ที่ถูกทิ้งในทะเลมาผลิต
เป็นเส้นใยแล้วนำไปผลิตเสื้อ ภายใต้โครงการ Upcycling The Oceans เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมในแหล่ง
ท่องเที่ยวทางทะเลของไทย
  Disclaimer : ข้อมูลต่าง ๆ ที่ปรากฏ เป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และการเผยแพร่ข้อมูลเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจเท่านั้น
โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยจะไม่รับผิดชอบในความเสียหายใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ไม่ว่าโดยทางใด
 
  หน้าหลัก   I   Share โลกเศรษฐกิจ   I   เปิดประตูสู่ตลาดใหม่   I   ส่องเทรนด์โลก
เกร็ดการเงินระหว่างประเทศ   I   แวดวงคู่ค้า   I   แนะนำบริการ   I   สรุปข่าว