HIGHLIGHTS
         • สถานการณ์โรคระบาดและการเกิดโรคใหม่ ๆ รวมถึงกระแสการดูแลสุขภาพ กระตุ้นความต้องการบริโภคสมุนไพรให้เติบโต
            เนื่องจากเป็นหนึ่งในทางเลือกเพื่อใช้บำรุงร่างกายและรักษาโรค
         • ตลาดผลิตภัณฑ์สมุนไพรโลกมีทิศทางเติบโตต่อเนื่อง มีการนำสมุนไพรมาบริโภคในหลายรูปแบบ เช่น อาหารเสริม เครื่องดื่ม
            ยารักษาโรค
         • ไทยมีความหลากหลายของสมุนไพรมากถึงราว 11,600 ชนิด แต่นำมาใช้ประโยชน์เพียง 16%
         • มูลค่าส่งออกสมุนไพรของไทยขยายตัวต่อเนื่อง โดยตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหราชอาณาจักร
            จีน
  ที่มา : Trade Map ปี 2561
           ท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาดที่ขยายวงกว้างไปทั่วโลก รวมถึงการเกิดโรคใหม่ ๆ บ่อยครั้ง ตลอดจนกระแสการดูแลรักษา
สุขภาพของประชาชน กระตุ้นให้ความต้องการสมุนไพรเติบโตยิ่งขึ้น โดยสมุนไพรนับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ใช้บำรุงร่างกายและ
รักษาโรค
  1 ใน 3 ของชาวอเมริกันนิยมบริโภคสมุนไพร”  
  อาหารเสริมจากสมุนไพร ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่มีส่วนผสมของแปะก๊วย กระเทียม เป็นต้น
ยาสมุนไพร โดยเฉพาะกลุ่มยาอมแก้เจ็บคอ โรคนอนไม่หลับ โรคไขข้อ เป็นต้น
เครื่องดื่มสมุนไพร โดยเฉพาะชาเขียว
  ที่มา : สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส
  “เยอรมนีใช้สมุนไพรในการรักษาโรคพื้นฐาน  
  มีการใช้ยาสมุนไพรถึง 45% ของการใช้ยาทั้งหมด
โรงพยาบาลสั่งจ่ายยาที่สกัดจากธรรมชาติในการบรรเทาไข้แทนยาพาราเซตามอล
  ที่มา : สมาคมผู้ผลิตยาสมุนไพรและสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
  “ชาวญี่ปุ่นนิยมใช้สมุนไพรเพื่อการรักษาพยาบาล  
  กว่า 80% ของการรักษาพยาบาล นิยมใช้ยาที่มีส่วนผสมจากสมุนไพร (Kampo)
ระบบประกันสุขภาพแห่งชาติ ครอบคลุมค่าใช้จ่ายจากการจ่ายยาสมุนไพร Kampo
  หมายเหตุ : Kampo คือ ยาสมุนไพรที่ใช้รักษาโรคในญี่ปุ่นมายาวนาน โดยได้อิทธิพลการรักษาจากจีน
  ที่มา : The Japan Society for Oriental Medicine, Kanazawa Medical University, Tohoku University Graduate School of
Medicine
  ผลิตภัณฑ์สมุนไพรในบทความฉบับนี้ ประกอบด้วย พรรณไม้และส่วนของพรรณไม้ สารสกัดจากสมุนไพร น้ำมันหอมระเหย ขมิ้นชัน
บัวบก (ตามการจำแนกของกระทรวงพาณิชย์)
  “ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความหลากหลายของสมุนไพร” (ไทยมีสมุนไพรราว 11,600 ชนิด ปัจจุบันนำมาใช้ประโยชน์เพียง 16%)  
  ที่มา : แผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทยปี 2560-2564  
 

ที่มา : กระทรวงพาณิชย์

  “ปัจจุบันไทยยังส่งออกสมุนไพรในรูปของวัตถุดิบเป็นส่วนใหญ่
ซึ่งมีราคาไม่สูงนัก ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยควรแปรรูปสมุนไพร
เพื่อเพิ่มมูลค่า
โดยเฉพาะกลุ่ม Product Champion*
เช่น ไพล ขมิ้นชัน บัวบก กระชายดำ”
  *เกณฑ์การคัดเลือก Product Champion
   ใช้เป็นยารักษาโรค/เสริมอาหาร/เครื่องสำอาง
   • มีประโยชน์ ปลอดภัย
   • มีมูลค่าเพิ่มเชิงเศรษฐกิจ
   • มีผู้ใช้บริการหลากหลายกลุ่ม
   • ปลูกในประเทศและวิจัยพัฒนาโดยนักวิจัยไทย
 
  ตัวอย่างการแปรรูปสมุนไพรไทยในกลุ่ม Product Champion เพื่อเพิ่มมูลค่า  
  ที่มา : มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กระทรวงพาณิชย์ แผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทยปี 2560-2564 และรวบรวมโดยฝ่ายวิจัยธุรกิจ EXIM BANK
  “ผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อการส่งออกต้องได้รับมาตรฐานระดับสากล เช่น GAP, GMP, PIC/S”
  ที่มา : สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
  Disclaimer : ข้อมูลต่าง ๆ ที่ปรากฏ เป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และการเผยแพร่ข้อมูลเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจเท่านั้น
โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยจะไม่รับผิดชอบในความเสียหายใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ไม่ว่าโดยทางใด
 
  หน้าหลัก   I   Share โลกเศรษฐกิจ   I   เปิดประตูสู่ตลาดใหม่   I   รู้ทันเกมการค้า
เกร็ดการเงินระหว่างประเทศ   I   CEO Talk   I   แวดวงคู่ค้า   I   แนะนำบริการ   I   สรุปข่าว