แม้ว่าวิกฤต COVID-19 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมโลกอย่างมหาศาลจนทำให้หลายธุรกิจต้องชะลอตัว สินค้าสมุนไพรไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากจากการที่ผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญและสนใจใช้สมุนไพรเป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพมากขึ้น คุณวทัญญู บุณยสิทธิเดช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอวา แพลนท์ จำกัด จึงใช้โอกาสนี้ขยายธุรกิจส่งออกเครื่องเทศและสมุนไพรไทย แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความท้าทายในการบริหารจัดการเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท ภายใต้ผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 อยู่ไม่น้อยก็ตาม
จุดเริ่มต้นของ เอวา แพลนท์
ประเทศไทยมีองค์ความรู้ในการใช้สมุนไพรดูแลสุขภาพมานานและมีข้อได้เปรียบในเรื่องความหลากหลายของพืชสมุนไพร บริษัท เอวา แพลนท์ จำกัด จึงจัดตั้งขึ้นในปี 2555 เพื่อส่งออกสมุนไพรจำพวกสารสกัดจากกระชายดำ ขมิ้นชัน ไปยังตลาดเอเชีย เช่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ญี่ปุ่น มาเลเซีย อินเดีย และสิงคโปร์
“ในการจัดหาวัตถุดิบ เราทำ Contract Farming กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนและรับซื้อจากเกษตรกรรายย่อยในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำหรับสมุนไพรบางตัวที่ขายดี เราก็พยายามจะปลูกเองเพื่อให้เพียงพอรองรับความต้องการของตลาด ในช่วงเริ่มต้นธุรกิจที่เรายังไม่มีโรงงาน ก็จะใช้การจ้างผลิตเป็นหลัก แต่ปัจจุบันเรากำลังขยายโรงงานและนำเครื่องจักรตัวใหม่เข้ามาพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเราให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากขึ้น”
วิกฤต COVID-19 และการรับมือของ เอวา แพลนท์
แม้วิกฤต COVID-19 จะสร้างโอกาสทางการตลาดให้ธุรกิจส่งออกสมุนไพร แต่อุปสรรคสำคัญก็คือ การประกาศล็อกดาวน์ของรัฐบาลประเทศต่าง ๆ ส่งผลให้บริษัทไม่สามารถขนส่งทางเรือซึ่งเป็นเส้นทางหลักได้ รวมถึงการขนส่งวัตถุดิบสมุนไพรจาก Suppliers ภายในประเทศยังมีความล่าช้า เนื่องจากนโยบายจำกัดการเดินทางข้ามจังหวัด
“สถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้การส่งมอบและติดตั้งเครื่องจักรในโรงงานใหม่ของเราล่าช้า นอกจากนี้บางประเทศมีการปิดท่าเรือทำให้เราไม่สามารถส่งสินค้าเข้าไปได้ เราก็พยายามหาลูกค้าในกลุ่มประเทศที่ยังเปิดรับสินค้ามาทดแทนเพื่อให้บริษัทยังมีสภาพคล่อง พร้อมกับเร่งการติดตั้งเครื่องจักรใหม่เพื่อให้กระบวนการผลิตในโรงงานรวดเร็วขึ้นเท่าที่จะทำได้”
EXIM BANK เป็นเพื่อนคู่คิด
ก่อนหน้านี้บริษัทเคยได้รับการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมจาก EXIM BANK ภายใต้ความร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จนเมื่อเกิดวิกฤต COVID-19 ทำให้การส่งออกสินค้าไม่เป็นไปตามแผน และการนำเงินมาลงทุนขยายโรงงานส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของบริษัท บริษัทจึงปรึกษากับ EXIM BANK และได้เข้าร่วมมาตรการสินเชื่อฟื้นฟูเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ
“การเข้าร่วมมาตรการสินเชื่อฟื้นฟูหรือ Soft Loan ครั้งนี้ เราได้รับการสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ทำให้มีเงินทุนหมุนเวียนมาช่วยเสริมสภาพคล่อง ธุรกิจสามารถเดินต่อไปได้ และทำให้เราสามารถรับออร์เดอร์ขนาดใหญ่ได้มากขึ้น ไม่เสียโอกาสทางธุรกิจ ต้องขอบคุณ EXIM BANK ที่คอยให้คำแนะนำ ให้โอกาสและเข้าใจธุรกิจของผมเป็นอย่างดี”
ฝากถึงผู้ประกอบการ
ตอนนี้หลายประเทศได้รับวัคซีนป้องกัน COVID-19 กันมากแล้ว ทำให้มีโอกาสเปิดประเทศและส่งออกได้มากขึ้น สำหรับผู้ประกอบการที่ยังไม่กล้าที่จะทำธุรกิจส่งออก ผมอยากให้ลองดูครับ ส่งออกไม่ได้ยากอย่างที่คิด ทั้งยังช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจได้มากกว่าการขายภายในประเทศเพียงอย่างเดียว ในเรื่องนี้ EXIM BANK สามารถให้คำแนะนำและช่วยเหลือผู้ประกอบการทุกคนได้ ด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่หลากหลาย รวมทั้งทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาและให้ความรู้ด้านการส่งออก เพื่อช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการในการบุกตลาดต่างประเทศด้วย
|