รัฐบาลเมียนมายังคงทยอยปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบสำคัญของประเทศเพื่อเร่งพัฒนาเศรษฐกิจและยกระดับความเป็นอยู่
ของประชาชนให้ทัดเทียมกับนานาประเทศ ล่าสุดเมื่อเดือนมีนาคม 2562 รัฐบาลได้ประกาศบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคฉบับใหม่
(Consumer Protection Law) เพื่อทดแทนกฎหมายฉบับเดิมปี 2557 โดยเนื้อหาในกฎหมายฉบับใหม่มีทั้งหมด 25 มาตรา มากกว่า
ฉบับเดิมที่มีเพียง 12 มาตรา ซึ่งจะทำให้การบังคับใช้กฎหมายในประเด็นต่างๆ มีความชัดเจนยิ่งขึ้น อาทิ สิทธิ์ของผู้บริโภค ความปลอดภัย
ของผู้บริโภค บทบาทของภาคธุรกิจ และบทบาทของภาครัฐ ไปจนถึงข้อกำหนดเกี่ยวกับฉลากสินค้าและการรับประกันคุณภาพสินค้า ทั้งนี้
สำหรับข้อกำหนดเกี่ยวกับฉลากสินค้าเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ประกอบการไทยที่จำหน่ายสินค้าในตลาดเมียนมาต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคฉบับใหม่กำหนดให้ข้อมูลส่วนหนึ่งในฉลากต้องเป็นภาษาเมียนมา โดยจะเริ่มบังคับใช้ในวันที่
15 มีนาคม 2563 หรือมีระยะเวลาให้ผู้ประกอบการปรับตัวอีกหนึ่งปีหลังจากประกาศใช้กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคฉบับใหม่

ข้อกำหนดเกี่ยวกับฉลากสินค้า
          กฎหมายฉบับใหม่กำหนดให้ฉลากสินค้าที่จำหน่ายในเมียนมาต้องแสดงข้อมูล ดังนี้
  สินค้าที่ต้องติดฉลากเป็นภาษาเมียนมา
  ที่มา : dentons.rodyk.com และ www.tilleke.com
                นอกจากข้อกำหนดเกี่ยวกับการติดฉลากสินค้า การรับประกันสินค้าเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคฉบับใหม่
มีข้อกำหนดให้ต้องระบุเงื่อนไขที่ชัดเจนในการรับประกันสินค้า อาทิ มาตรฐานของสินค้า การเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของสินค้า
ความปลอดภัยของสินค้า ชิ้นส่วนสำรอง การรับซ่อมสินค้า และการเปลี่ยนสินค้า โดยผู้บริโภคหรือผู้ใช้สินค้ามีสิทธิ์ในการเปลี่ยน
ขอคืนเงิน หรือเรียกร้องเงินชดเชย ในกรณีที่สินค้าได้รับความเสียหายหรือไม่ได้มาตรฐาน นอกจากนี้ รัฐบาลเมียนมายังได้จัดตั้ง
คณะกรรมาธิการกิจการผู้บริโภคระดับประเทศเพื่อกำกับดูแลการบังคับใช้กฎหมาย อีกทั้งยังได้จัดตั้งคณะกรรมาธิการระดับท้องถิ่น
ในแต่ละรัฐ/ภาคเพื่อเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างผู้บริโภคและภาคธุรกิจ ดังนั้น กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคฉบับใหม่
จะช่วยยกระดับมาตรฐานสินค้าที่จำหน่ายในเมียนมา

              ทั้งนี้ สำหรับผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยจากกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคฉบับใหม่ของเมียนมา คาดว่าผู้ประกอบการไทย
จะมีต้นทุนที่สูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการผลิตบรรจุภัณฑ์ที่มีฉลากภาษาเมียนมา หรือการใช้วิธีติดสติกเกอร์ฉลากภาษาเมียนมาเพิ่มเติม
ลงในบรรจุภัณฑ์เดิม ซึ่งผู้ประกอบการไทยควรเตรียมการแต่เนิ่นๆ และควรจะมีการเจรจากับผู้นำเข้าหรือผู้จัดจำหน่ายในเมียนมา
ให้ชัดเจนว่าใครจะเป็นผู้ดูแลจัดการเกี่ยวกับฉลากภาษาเมียนมาดังกล่าว เนื่องจากการส่งออกสินค้าส่วนหนึ่งจะมีการบรรจุหีบห่อ
หรือบรรจุภัณฑ์ใหม่ (Repackaging) ในประเทศปลายทาง นอกจากนี้ ควรเพิ่มความระมัดระวังกรณีที่เจ้าของสินค้าไม่ได้จำหน่ายสินค้า
ไปเมียนมาเองโดยตรง แต่เป็นการนำเข้าไปเองโดยพ่อค้าคนกลางตามแนวชายแดน ทำให้ไม่มีผู้รับผิดชอบในการติดฉลากภาษาเมียนมา
ก็อาจทำให้เจ้าของสินค้าเผชิญกับปัญหายอดจำหน่ายสินค้าโดยรวมลดลง
  Disclaimer : ข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏ เป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และการเผยแพร่ข้อมูลเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจเท่านั้น
โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยจะไม่รับผิดชอบในความเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ไม่ว่าโดยทางใด
 
  หน้าหลัก   I   Share โลกเศรษฐกิจ   I   เปิดประตูสู่ตลาดใหม่   I   ส่องเทรนด์โลก
เกร็ดการเงินระหว่างประเทศ   I   CEO Talk   I   แวดวงคู่ค้า   I   แนะนำบริการ   I   สรุปข่าว