ออมสิน - EXIM BANK ผนึกจุดแข็ง ร่วมเติมเต็มภาคส่งออกไทยเติบโตยั่งยืน

วันที่ประกาศ 01 ตุลาคม 2551
ออมสิน - EXIM BANK ผนึกจุดแข็ง ร่วมเติมเต็มภาคส่งออกไทยเติบโตยั่งยืน
ธนาคารออมสินและ EXIM BANK ตกลงใช้พื้นที่สาขาร่วมกันเพื่อรุกให้บริการทางการเงินอย่างครบวงจรแก่ผู้ประกอบธุรกิจระหว่างประเทศและประชาชนทั่วไปในชุมชน โดยรูปแบบบริการ “1 สาขา 2 ธนาคาร” จะเริ่มต้นภายในปีนี้ ณ ที่ทำการธนาคารออมสินสาขาติวานนท์ และสาขาคลองสวนพลู จ.พระนครศรีอยุธยาและ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ สาขาพระราม 2 และสาขาพระราม 4 นายเลอศักดิ์ จุลเทศ (ขวา) ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และ ดร.อภิชัย บุญธีรวร (ซ้าย) กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ได้ลงนามในบันทึกความร่วมมือในการขยายธุรกรรมระหว่างธนาคารออมสินและ EXIM BANK โดยมี ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช (กลาง) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีลงนาม ณ ธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2551 โดยทั้งสองธนาคารตกลงจะใช้พื้นที่สาขาร่วมกันในการให้บริการแก่ลูกค้าในรูปแบบ 1 สาขา 2 ธนาคาร ทั้งในด้านธุรกิจต่างประเทศ การประกันการส่งออก การบริการทางการเงิน และการให้สินเชื่อและการลงทุนร่วมกันความร่วมมือระหว่างธนาคารออมสินและ EXIM BANK มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการไทยในย่านธุรกิจและชุมชนสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินที่ครบวงจร สะดวกรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ เพื่อการเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจค้าขายระหว่างประเทศ เพื่อกระตุ้นการเติบโตของภาคส่งออกและการพัฒนาประเทศ ทั้งนี้ โดยสอดคล้องกับนโยบายกระทรวงการคลังที่ต้องการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สถาบันการเงินของรัฐโดยใช้ทรัพยากรและความเชี่ยวชาญของกันและกันอย่างเกื้อกูล เพื่อวางรากฐานการพัฒนาประเทศและขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนและผู้ประกอบการไทยภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ EXIM BANK จะเป็นผู้ให้บริการด้านการค้าระหว่างประเทศ เช่น บริการ เปิดเลตเตอร์ออฟเครดิต (Letter of Credit : L/C) และบริการประกันการส่งออกแก่ลูกค้าของธนาคารออมสินเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการไทยมีความมั่นใจที่จะเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจส่งออกโดยเฉพาะในการติดต่อค้าขายกับผู้ซื้อรายใหม่หรือตลาดใหม่ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศขณะเดียวกัน สาขาของธนาคารออมสินจะเป็นช่องทางในการให้บริการด้านรับและจ่ายเงินแก่ลูกค้าของ EXIM BANK เช่น บริการด้านการโอนเงิน การรับชำระเงินกู้ผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารและเครื่องเอทีเอ็ม เป็นต้นนอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันให้บริการด้านสินเชื่อและบริการร่วมลงทุนในโครงการที่มีความเป็นไปได้ในเชิงพาณิชย์และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศทั้งนี้ ลูกค้าของทั้งสองธนาคารสามารถติดต่อขอรับบริการในรูปแบบ “1 สาขา 2 ธนาคาร” ได้ภายในปีนี้ ณ ที่ทำการธนาคารออมสิน สาขาติวานนท์ และสาขาคลองสวนพลู จ.พระนครศรีอยุธยา และ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ สาขาพระราม 2 และสาขาพระราม 4 ดร.อภิชัย บุญธีรวร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า บันทึกความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการนำเอาศักยภาพของ 2 ธนาคารของรัฐที่แตกต่างกันมารวมกัน เพื่อให้บริการที่ครบวงจรแก่ลูกค้าในรูปแบบ “1 สาขา 2 ธนาคาร” เพื่อที่ลูกค้าของออมสินสามารถได้รับบริการของ EXIM BANK ตั้งแต่ธุรกรรมระหว่างประเทศประกันการส่งออก ไปจนถึงสินเชื่อ การร่วมลงทุน และการสนับสนุนการลงทุนในต่างประเทศ ขณะที่ลูกค้าของ EXIM BANK สามารถใช้บริการของธนาคารออมสินได้ โดยที่ทั้งสองธนาคารไม่ต้องลงทุนเป็นจำนวนมากในการขยายบริการที่ครบวงจร และทำให้ EXIM BANK มีสาขาเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากในชั่วข้ามคืนนายเลอศักดิ์ จุลเทศ ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า จากความร่วมมือในครั้งนี้ลูกค้าของธนาคารจะได้รับบริการทางด้านธุรกิจต่างประเทศ (Trade Finance) อย่างครบวงจรมากขึ้น อาทิ บริการเปิด L/C ดำเนินการชำระค่าสินค้าและบริการ การแจ้งเครดิตของลูกค้า ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารและเรียกเก็บเงินจากธนาคารผู้สั่งซื้อในต่างประเทศ รวมถึงบริการประกันการส่งออก ตลอดจนการให้บริการทางการเงิน รับชำระสินค้าผ่านระบบ Payment Online โดยความร่วมมือได้ครอบคลุมไปถึงการให้สินเชื่อและการลงทุนร่วมกันในอนาคต ซึ่งภายใต้ข้อตกลงนี้นอกเหนือจากจะส่งผลดีต่อลูกค้าของทั้งสองธนาคารแล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างจุดแข็งให้ทั้งสองธนาคารในด้านการให้บริการทางการเงินที่ครบวงจรแก่ประชาชนทุกระดับ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่ทั้งนี้ คาดว่าความร่วมมือครั้งนี้จะมีปริมาณธุรกรรมด้านการเงินเกิดขึ้นประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อเดือน ปริมาณธุรกรรมด้านธุรกิจต่างประเทศที่จะใช้บริการผ่าน EXIM BANK ในปีแรก 500 ล้านบาท และยอดสินเชื่อของสาขาที่เปิดให้บริการนำร่องในปีแรกอีก 1,000 ล้านบาท “ธนาคารออมสินและ EXIM BANK ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ มีพันธกิจที่สำคัญสอดคล้องกันคือ การให้บริการแก่ประชาชนด้วยประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของความร่วมมือในครั้งนี้ คือ เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสเข้าถึงบริการทางการเงินของสถาบันการเงินรัฐได้สะดวกมากขึ้น เป็นการเพิ่มศักยภาพในการให้บริการครบวงจรและทัดเทียมกับสถาบันการเงินอื่น อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนนโยบายรัฐในการเป็นกลไกทางการเงินของรัฐเพื่อประชาชน ที่สำคัญยังเป็นการพัฒนาและสร้างเสริมศักยภาพให้แก่ธุรกิจภาคการส่งออกของประเทศ ซึ่งจะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศที่สามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องตามที่รัฐบาลมุ่งหวัง” นายเลอศักดิ์ กล่าว
เอกสารที่เกี่ยวข้อง