|
|
|
|
|
|
|
|
• การลงทุนจากภาคเอกชนจะมีบทบาทมากที่สุดภายใต้แผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานปี 2563-2567 ซึ่งการลงทุนดังกล่าวครอบคลุมถึงการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ด้วย รองลงมาเป็นการลงทุนจากภาครัฐ ในปี 2564 รัฐบาลอินโดนีเซียได้จัดสรรงบประมาณราว 414 ล้านล้านรูเปียะห์ หรือเกือบ 2 เท่าของปี 2563 สำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
• กว่า 50% ของการลงทุนเป็นโครงการด้านคมนาคม ซึ่งสอดคล้องกับแนวนโยบายของรัฐบาลอินโดนีเซียที่มองว่าเศรษฐกิจ
อินโดนีเซียจะเติบโตได้มากขึ้นจากการมีระบบคมนาคมในประเทศที่เชื่อมโยงถึงกัน |
|
|
|
|
|
มาตรการผ่อนคลายข้อจำกัดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของนักลงทุนต่างชาติ |
|
|
|
|
|
นับตั้งแต่ต้นปี 2564 รัฐบาลอินโดนีเซียได้ออกหลายมาตรการเพื่อลดอุปสรรคการลงทุนและดึงดูด FDI ให้ได้มากขึ้น โดยหนึ่งในมาตรการสำคัญคือ การผ่อนคลายข้อจำกัดการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ โดยเปิดให้นักลงทุนต่างชาติลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานบางประเภทได้ 100% ภายใต้ New Investment List ดังนี้ |
|
|
|
Sector |
ข้อจำกัดเดิม |
New Investment List (2021) |
|
|
|
|
นักลงทุนต่างชาติต้องลงทุนในรูปแบบ Joint Venture (JV) กับนักลงทุนท้องถิ่น โดยถือหุ้นได้สูงสุด 67% (70% สำหรับนักลงทุนอาเซียน) ในโครงการที่มีมูลค่าสูงกว่า 5 หมื่นล้านรูเปียะห์ |
|
ไม่จำกัดเพดานการถือหุ้น แต่ยังต้องลงทุนในรูปแบบ JV กับนักลงทุนท้องถิ่นภายใต้ข้อกำหนดเงินทุนขั้นต่ำดังกล่าว |
|
|
|
|
นักลงทุนต่างชาติถือหุ้นได้สูงสุด 49% โดยกำหนดเงินทุนขั้นต่ำ 1 ล้านล้านรูเปียะห์สำหรับโครงการสนามบินนานาชาติ และ 5 แสนล้านรูเปียะห์สำหรับโครงการสนามบินภายในประเทศ |
|
นักลงทุนต่างชาติลงทุนได้ 100% ภายใต้ข้อกำหนดเงินทุนขั้นต่ำดังกล่าว |
|
|
|
|
นักลงทุนต่างชาติถือหุ้นได้สูงสุด 49% โดยกำหนดเงินทุนขั้นต่ำ 5 แสนล้านรูเปียะห์สำหรับโครงการท่าเรือหลัก และ 1 แสนล้าน
รูเปียะห์สำหรับโครงการ Hub Port |
|
นักลงทุนต่างชาติลงทุนได้ 100% ภายใต้ข้อกำหนดเงินทุนขั้นต่ำดังกล่าว |
|
|
|
|
นักลงทุนต่างชาติถือหุ้นได้สูงสุด 49% สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนขนาดเล็ก (1-10 MW) 67% สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนขนาดเล็ก (10 MW) และ 95% สำหรับโครงการขนาดใหญ่ (10 MW) ส่วนการลงทุนในระบบสายส่ง นักลงทุนต่างชาติถือหุ้นได้สูงสุด 95% |
|
นักลงทุนต่างชาติลงทุนได้ 100% |
|
|
|
|
การผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการลงทุนจะเปิดโอกาสให้บริษัทก่อสร้างต่างชาติเข้าไปลงทุนในอินโดนีเซียเพื่อรองรับการก่อสร้างโครงการต่าง ๆ รวมถึงรับงานในโครงการตามแผนของรัฐบาล อาทิ โครงการเมืองหลวงใหม่ที่กลับมาเดินหน้าโครงการต่อ ด้วยวงเงินงบประมาณราว 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จึงเป็นโอกาสของบริษัทก่อสร้างของไทยที่มีประสบการณ์การดำเนินงานในต่างประเทศ รวมถึงงานที่ปรึกษาด้านการก่อสร้างที่จะเข้าไปขยายการลงทุนในอินโดนีเซีย |
|
|
|
|
|
|
|
Development Bank...หนึ่งในกลไกการสนับสนุนโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของอินโดนีเซีย |
|
|
|
|
|
นอกจากการทำแผนเพื่อชี้เป้าหมายการลงทุนและผ่อนคลายข้อจำกัดการลงทุนจากต่างชาติแล้ว อินโดนีเซียยังเสริมพลังขับเคลื่อนด้วยการยกระดับหน่วยงานส่งเสริมการลงทุนขึ้นเป็นกระทรวงการลงทุน และเพิ่มเติมมาตรการทางการเงิน อาทิ การจัดตั้ง Sovereign Wealth Fund ขึ้นเป็นครั้งแรกของประเทศ ภายใต้ชื่อ Indonesia Investment Authority (INA) เมื่อช่วงต้นปี 2564 เพื่อส่งเสริมการลงทุนในด้านต่าง ๆ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐาน ร่วมกับ PT Sarana Multi Infrastruktur (SMI) ซึ่งเป็น Development Bank ที่สนับสนุนทางการเงินให้แก่โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะ ทั้งนี้ SMI เป็นสถาบันการเงินของรัฐที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2552 เพื่อเป็นตัวเร่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในประเทศให้เร็วขึ้น โดยโครงการที่ SMI สนับสนุน มีดังนี้ |
|
|
|
|
หมายเหตุ : ข้อมูล ณ เดือนมีนาคม 2564 SMI สนับสนุนทางการเงินให้แก่โครงการลงทุนรวม 704 ล้านล้านรูเปียะห์ (ราว 4.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) และทำให้เกิด Multiplier Effect ราว 6 เท่าของวงเงินสนับสนุน (Multiplier Effect to Financing Commitment) |
|
|
|
|