|
|
|
EXIM BANK เปิดเวทีระดมสมอง ชี้ทางรอด SMEs ไทยต้องรุกตลาดส่งออก
พร้อมเปิดบริการใหม่ “สินเชื่อเครือข่ายธุรกิจครบวงจร” เสริมสภาพคล่องต้นน้ำถึงปลายน้ำ |
|
|
|
|
|
|
ดร.พสุ โลหารชุน ประธานกรรมการ EXIM BANK กล่าวเปิดงาน “EX1M Solution Forum” Ep. 1 หัวข้อ “อนาคต SMEs ไทยเติบโตสู่ Supply Chain โลก” ซึ่งจัดขึ้นทางออนไลน์แก่สื่อมวลชนและสาธารณชนที่สนใจ เมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า นับเป็นครั้งแรกของการเปิดเวทีระดมสมอง เพื่อนำเสนอประเด็นปัญหาและแนวทางแก้ไขในการขับเคลื่อนการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อชี้ให้เห็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ซึ่งมี SMEs เป็นผู้ประกอบการส่วนใหญ่ แต่ยังไม่สามารถขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจและภาคส่งออกไทยไปข้างหน้าได้ดีมากเท่าที่ควร ทางออกหรืออาจจะเป็นทางรอดของปัญหา ได้แก่ การทำงานร่วมกันระหว่างสถาบันการเงินอย่าง EXIM BANK และภาคธุรกิจเพื่อสร้าง Supply Chain ที่แข็งแรง ซึ่งผู้ประกอบการรายใหญ่สามารถสนับสนุนและเสริมความแข็งแรงให้กับผู้ประกอบการ SMEs ได้อย่างเกื้อกูลและยั่งยืน โดยมีเครื่องมือทางการเงินและการบริหารความเสี่ยงเป็นกลไกช่วยให้ทุกภาคส่วนดำเนินธุรกิจไปได้อย่างไม่ติดขัด แม้จะได้รับผลกระทบซ้ำเติมจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่เกิดขึ้นเป็นระลอกทั่วโลก
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวในหัวข้อ “อนาคต SMEs ไทยเติบโตสู่ Supply Chain โลก” ว่า ในการแก้ปัญหา “ความย้อนแย้ง” ในเชิงโครงสร้างของ SMEs ไทย โดยเฉพาะการที่ SMEs ไทยมีจำนวนมากถึง 3.1 ล้านรายหรือ 99.5% ของผู้ประกอบการทั้งระบบ แต่มีบทบาทต่อระบบเศรษฐกิจเพียง 35% ของ GDP รวมเท่านั้น สาเหตุสำคัญมาจาก SMEs ไทยส่วนใหญ่ค้าขายภายในประเทศเป็นหลัก ขณะที่ผู้ส่งออก SMEs มีจำนวนไม่ถึง 1% ของ SMEs ทั้งระบบ ซึ่งการขยายตลาดภายในประเทศมีข้อจำกัดหลายประการ เช่น เศรษฐกิจไทยโตต่ำ โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาขยายตัวเพียง 2% ตลาดมีขนาดไม่ใหญ่ จำนวนประชากรเพียง 66 ล้านคน ยิ่งไปกว่านั้นประเทศไทยยังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว โดยมีประชากรที่มีอายุมากกว่า 60 ปีมากถึง 18% ของประชากรรวม
กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า ทางรอดของ SMEs ไทยจึงได้แก่ การเข้าไปเชื่อมโยงในวงจรการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งทำได้ 2 แนวทาง โดยแนวทางแรก คือ การยกระดับไปเป็นผู้ส่งออก ซึ่งแนวทางนี้อาจต้องใช้ระยะเวลาในการพัฒนาองค์ความรู้และเสริมประสบการณ์ในด้านต่าง ๆ ส่วนแนวทางที่สอง สามารถทำได้ทันที ได้แก่ การสนับสนุนให้ SMEs เข้าไปอยู่ใน Supply Chain ของผู้ส่งออก โดยให้ธุรกิจส่งออกที่มีความแข็งแรงและมีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ Supply Chain ค้ำจุนผู้ประกอบการ SMEs ให้มีโอกาสขายสินค้าเพิ่มมากขึ้นและยาวนานภายใต้ Supply Chain ที่แข็งแรงดังกล่าว ซึ่งคาดว่าปัจจุบันมี SMEs ไทยจำนวนไม่น้อยเป็นส่วนหนึ่งของ Supply Chain ผู้ส่งออกไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เนื่องจากภาคส่งออกไทยพึ่งพาวัตถุดิบในประเทศ (Local Content) ถึงเกือบ 70% ของมูลค่าส่งออกรวม
ดร.รักษ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้ Global Supply Chain เปลี่ยนไปในหลายมิติและทุกขั้นตอน ตั้งแต่การหาวัตถุดิบ การผลิต การขนส่งและกระจายสินค้า การขาย และตัวสินค้า รูปโฉมการค้าเปลี่ยนมาใช้วัตถุดิบจากแหล่งใกล้ ๆ มากขึ้น มีการนำระบบ Automation มาใช้มากขึ้นเพื่อลดการสื่อสารระหว่างแรงงานในกระบวนการผลิต ต้องวางแผนขนส่งหลากหลายช่องทาง รวมทั้งทำประกันและปรับเทอมการค้าให้ครอบคลุมความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น การขายสินค้าใช้ช่องทางออนไลน์มากขึ้น และสินค้าต้องสอดรับกับเทรนด์ใหม่ ๆ ของโลก มีความโดดเด่นน่าจดจำ เพื่อสร้างการจดจำและความจงรักภักดีต่อแบรนด์
กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวต่อไปว่า จากนโยบาย Dual-track Policy ได้แก่ การสนับสนุนผู้ประกอบการรายใหญ่เพื่อการพัฒนาประเทศ ควบคู่กับการให้บริการครบวงจรเพื่อพัฒนา SMEs ให้เป็นผู้ส่งออกมืออาชีพ EXIM BANK จึงพร้อมสนับสนุน SMEs ไทยให้เข้าสู่หรือเชื่อมโยงกับ Supply Chain ในวงจรการค้าระหว่างประเทศ ด้วยบริการใหม่ “สินเชื่อเครือข่ายธุรกิจครบวงจร (EXIM Supply Chain Financing Solution)” เพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ธุรกิจ SMEs ที่เป็น Suppliers ของผู้ประกอบการรายใหญ่ (Sponsor) โดยไม่ต้องใช้หลักประกันเพิ่ม สามารถนำ Invoice มาใช้ยื่นขอสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษผ่าน Digital Platform ได้ วงเงินกู้สูงสุด 25% ของยอดขายรวมปีล่าสุด โดยอ้างอิงบนเครดิตที่แข็งแรงของ Sponsor บริการดังกล่าวช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงสินเชื่อได้สะดวกขึ้นและมีต้นทุนต่ำลง มีความคล่องตัวในการดำเนินธุรกรรมทางออนไลน์ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่ธนาคาร ขณะที่ Sponsor ซึ่งเป็นลูกค้า EXIM BANK จะได้รับเครดิตเทอมเพิ่มจากคู่ค้าที่เป็น SMEs และมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่แน่นแฟ้นระหว่างกัน เป็นประโยชน์ในการขยายธุรกิจต่อไปในอนาคตข้างหน้า
ต้นแบบ Supply Chain ที่แข็งแกร่งภายใต้การสนับสนุนของ EXIM BANK ได้แก่ บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ส่งออก-นำเข้าและศูนย์รวมวัสดุก่อสร้างและสินค้าไลฟ์สไตล์ครบวงจรของไทย ซึ่งมีสินค้าจำหน่ายกว่า 270,000 รายการ และมี Suppliers ใน Supply Chain เป็นจำนวนมาก อาทิ บริษัท วิชั่น กลาส แอนด์ ดอร์ อินดัสเทรียล จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลาง จำหน่ายผลิตภัณฑ์ประตูและกระจกตกแต่งบ้าน บริษัท คาร์ชายน์ จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลาง จำหน่ายผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดรถยนต์ บริษัท อุดร เก้าเจริญทรัพย์ จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจขนาดเล็ก จำหน่ายไม้แปรรูปจากต่างประเทศ บริษัท เอ็ม.เจ.พาราวู๊ด จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจขนาดเล็ก จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ไม้ บริษัท ว.พลาสติก (2002) จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจขนาดเล็ก จำหน่ายผลิตภัณฑ์พลาสติก
“การฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจไทยต้องเริ่มต้นที่ฐานราก กล่าวคือ การพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs ให้มีแรงขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ ก้าวข้ามข้อจำกัดด้านเงินทุนและอำนาจต่อรอง โดยอาศัยพันธมิตรทางธุรกิจเป็นสะพานเชื่อมไปสู่โอกาสใหม่ ๆ ที่นำไปสู่การเติบโตร่วมกันอย่างมั่นคงและยั่งยืน ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำและการขาดโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการรายย่อย กระตุ้นให้เกิดการค้าและธุรกรรมผ่านระบบดิจิทัลเพื่อความสะดวกรวดเร็วแก่ภาคธุรกิจและผู้บริโภค ตลอดจนเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมไทยตลอดทั้ง Supply Chain เพื่อให้ทุกภาคส่วนมีความแข็งแกร่งและพร้อมเริ่มต้นกับโอกาสครั้งใหม่หลังวิกฤต COVID-19” ดร.รักษ์กล่าว |
|
|
|
|
|
EXIM BANK เปิดสำนักงานผู้แทนแห่งที่ 4 ในนครโฮจิมินห์ เวียดนาม
เชื่อมโยงเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศไทยกับประเทศในภูมิภาคอาเซียน |
|
|
|
|
|
|
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เปิดเผยว่า EXIM BANK ได้เปิดทำการสำนักงานผู้แทน EXIM BANK แห่งที่ 4 ในนครโฮจิมินห์ เวียดนาม ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2564 มีนายจักรกริช ปิยะศิริกุล เป็นหัวหน้าสำนักงานผู้แทนฯ ทำงานร่วมกับภาครัฐและเอกชนภายใต้ทีมประเทศไทย ขับเคลื่อนการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศของไทยกับประเทศต่าง ๆ ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงและอาเซียน โดยมีเป้าหมายขยายสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการไทยใน CLMV เพิ่มขึ้น คิดเป็นยอดคงค้างเงินให้สินเชื่อ 50,000 ล้านบาทภายในปี 2568 เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด 45% จากยอดคงค้างจำนวน 34,500 ล้านบาทในปี 2563 ทั้งนี้ EXIM BANK เปิดดำเนินการสำนักงานผู้แทนแห่งแรกในย่างกุ้ง เมียนมาเมื่อปี 2560 จากนั้นจึงเปิดสำนักงานผู้แทนในเวียงจันทน์ สปป.ลาว และพนมเปญ กัมพูชาในปี 2561 และ 2562 ตามลำดับ ส่วนสำนักงานผู้แทนในนครโฮจิมินห์จะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี 2564 ถึงต้นปี 2565
กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า EXIM BANK จัดตั้งสำนักงานผู้แทนใน CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ครบถ้วนทั้ง 4 แห่ง เป็นไปตามนโยบายของกระทรวงการคลัง เพื่อส่งเสริมให้ผู้ส่งออกและนักลงทุนไทยสามารถแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจในตลาดต่างประเทศได้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้านของไทยที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจอยู่มาก อีกทั้งผู้ประกอบการไทยยังมีความคุ้นเคยกับวัฒนธรรมและพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีความใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ การเปิดสำนักงานผู้แทน EXIM BANK ในนครโฮจิมินห์ยังสอดคล้องกับนโยบาย Dual-track Policy ของ EXIM BANK ในการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยภายใต้บทบาท “ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย (Thailand Development Bank)” ควบคู่กับการทำหน้าที่ “ศูนย์บริการครบวงจรเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างประเทศให้แก่ SMEs (One Stop Trading Facilitator for SMEs)” ในตลาดเวียดนาม
เวียดนามเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงทั้งด้านการค้าและการลงทุนด้วยจำนวนประชากรเกือบ 100 ล้านคน ทำให้มีแรงงานเพียงพอรองรับการเติบโตของภาคธุรกิจ สามารถผลิตสินค้าในต้นทุนที่ต่ำกว่าหลายประเทศ ประชากรและนักลงทุนต่างชาติในเวียดนามมีความต้องการใช้สินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภคและป้อนภาคอุตสาหกรรมจำนวนมาก ประกอบกับนโยบายของรัฐบาลเวียดนามส่งเสริมการค้าเสรีและการลงทุนจากต่างประเทศ ทำให้เศรษฐกิจเวียดนามยังขยายตัวดี แม้ในปีที่ผ่านมาได้เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 เวียดนามก็ยังสามารถรักษาระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจไว้ได้เกือบ 3% สวนทางกับประเทศส่วนใหญ่ในโลกที่เศรษฐกิจเผชิญภาวะหดตัว ในปี 2564 เศรษฐกิจเวียดนามมีแนวโน้มเติบโตถึง 6.5% ผู้ประกอบการไทยจึงมีโอกาสอีกมากที่จะขยายธุรกิจการค้าและการลงทุนเข้าไปยังตลาดเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับ 4 ของไทย เป็นรองจากตลาดหลักอย่างสหรัฐฯ จีน และญี่ปุ่น สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปเวียดนาม ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และน้ำมันสำเร็จรูป ขณะที่การลงทุนของไทยในเวียดนามกระจายอยู่ในหลากหลายธุรกิจ อาทิ นิคมอุตสาหกรรม พลังงาน อาหารแปรรูป ปิโตรเคมี และบรรจุภัณฑ์ โดยไทยเป็นนักลงทุนรายใหญ่อันดับ 7 ในเวียดนาม
ดร.รักษ์กล่าวว่า ในการส่งเสริมการค้าและการลงทุนไทย-เวียดนามให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง EXIM BANK พร้อมสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยส่งออกสินค้าโดยเชื่อมโยงห่วงโซ่คุณค่ากับผู้ประกอบการเวียดนาม อาทิ การส่งออกสินค้าประเภทชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักร และวัสดุก่อสร้างป้อนภาคการผลิตของเวียดนาม รวมถึงการเข้าไปลงทุนของคนไทยในธุรกิจสนับสนุน อาทิ บรรจุภัณฑ์ เพื่อรองรับอุตสาหกรรมอื่นของเวียดนาม การแปรรูปอาหารและสินค้าเกษตร ซึ่งเป็นธุรกิจที่ผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพ สอดคล้องกับการสนับสนุนของรัฐบาลเวียดนามเพื่อเพิ่มมูลค่าและยกระดับการผลิตสินค้าเกษตร รวมถึงการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนท่ามกลางกระแสเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ที่ทั่วโลกให้ความใส่ใจ ไปจนถึงธุรกิจในโลกยุค New Normal เช่น ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ธุรกิจคลังสินค้าออนไลน์ (Fulfillment) และธุรกิจดิจิทัล
“EXIM BANK พร้อมส่งเสริมการส่งออกและการลงทุนของไทยในตลาดหลักและตลาดใหม่ การเปิดสำนักงานผู้แทนของ EXIM BANK ในนครโฮจิมินห์เป็นส่วนหนึ่งของการเสริมทีม EXIM BANK และทีมประเทศไทยเพื่อร่วมกันอำนวยความสะดวกด้านการค้าและ
การลงทุนให้แก่ผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ นำไปสู่การพัฒนาประเทศไทย
และภูมิภาคอาเซียน ท่ามกลางความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลาของโลกยุคใหม่” ดร.รักษ์กล่าว |
|
|
|
|
|
EXIM BANK จัดงาน “EXIM Stakeholders Day” ครั้งแรกของการใช้เทคโนโลยี
การประชุมออนไลน์เชื่อมโยงทุกภาคส่วน ร่วมออกแบบภาพอนาคตของ EXIM BANK และประเทศไทย |
|
|
|
|
|
|
EXIM BANK จัดงาน “EXIM Stakeholders Day: เสียงของท่าน สำคัญกับเรา” โดยใช้เทคโนโลยีการประชุมออนไลน์ เชื่อมโยงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนกว่า 100 คน ประกอบด้วยหน่วยงานกำกับดูแล ผู้ถือหุ้น ผู้แทนกระทรวงที่ดูแลงานด้านเศรษฐกิจทั้งหมด ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เป็นพันธมิตรด้านต่าง ๆ อาทิ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สถาบันการเงินต่าง ๆ ตลอดจนลูกค้าและผู้ประกอบธุรกิจส่งออกและนักลงทุนทุกระดับ ตั้งแต่รายใหญ่ จนถึงรายกลาง และรายย่อย ร่วมให้ข้อมูลและแลกเปลี่ยนประสบการณ์การดำเนินงาน เพื่อร่วมกันออกแบบภาพอนาคตของ EXIM BANK เพื่อการพัฒนาประเทศไทยในยุค New Normal และอนาคตข้างหน้า เมื่อเร็ว ๆ นี้
ในโอกาสนี้ ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ได้แถลงทิศทางใหม่ (New Direction) แนวทางขยายความร่วมมือมากยิ่งขึ้นกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder Engagement) และรูปแบบการทำงานแนวใหม่ในเชิงรุก (Smart Working) บนแนวนโยบาย Dual-track Policy ซึ่ง EXIM BANK จะดำเนินบทบาท “ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย (Thailand Development Bank)” ควบคู่กับการเป็น “ศูนย์บริการครบวงจรเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างประเทศให้แก่ SMEs (One Stop Trading Facilitator for SMEs)” เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การค้าและการลงทุนของประเทศไทย พร้อมทั้งเปิดเวทีให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากภาครัฐและเอกชนร่วมแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการจัดทำแผนวิสาหกิจ 5 ปี (ปี 2565-2569) แผนปฏิบัติการประจำปี 2565 และปรับทิศทางการดำเนินงาน EXIM BANK ที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืน ในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน
“โลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในยุค New Normal ทำให้องค์กรต่าง ๆ รวมถึง EXIM BANK ต้องปรับตัวและดำรงอยู่อย่างแข็งแกร่งเพื่อเป็นกลไกสำคัญของภาครัฐในการช่วยเหลือเยียวยาภาคธุรกิจให้ดำเนินต่อไปได้ งาน EXIM Stakeholders Day จึงเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก และเป็นครั้งแรกของการใช้เทคโนโลยีสร้างแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกระดับและทุกภาคส่วน ซึ่งต่างก็เผชิญกับความท้าทายและประสบการณ์การดำเนินธุรกิจโลกยุคใหม่นี้ด้วยแง่มุมที่แตกต่างกันไป เพื่อนำไปสู่เป้าหมายคือ จุดร่วมของการพัฒนาองค์กร EXIM BANK ที่ตอบโจทย์สังคม ช่วยเยียวยา ฟื้นฟู และขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยและโลกอย่างสมดุลและยั่งยืน” ดร.รักษ์กล่าว |
|
|
|
|
|
EXIM BANK เยี่ยมคารวะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ |
|
|
|
|
|
|
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เยี่ยมคารวะนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK พร้อมทั้งหารือแนวทางขยายความร่วมมือในการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยด้านการค้าระหว่างประเทศ ณ กระทรวงพาณิชย์ เมื่อเร็ว ๆ นี้ |
|
|
|
|
|
EXIM BANK เยี่ยมคารวะปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม |
|
|
|
|
|
|
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เยี่ยมคารวะนายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK พร้อมหารือแนวทางความร่วมมือระหว่าง EXIM BANK และกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SMEs ในภาคอุตสาหกรรมของไทย ณ กระทรวงอุตสาหกรรม เมื่อเร็ว ๆ นี้ |
|
|
|
|
|
EXIM BANK ร่วมยินดีรองปลัดกระทรวงการคลัง |
|
|
|
|
|
|
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ร่วมแสดงความยินดีกับนายพรชัย ฐีระเวช ในโอกาสเข้ารับตําแหน่งรองปลัดกระทรวงการคลัง พร้อมทั้งหารือแนวทางในการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยภายใต้บทบาทใหม่ของ EXIM BANK ณ กระทรวงการคลัง เมื่อเร็ว ๆ นี้ |
|
|
|
|
|
EXIM BANK กับ SME D Bank พบปะหารือแนวทางสนับสนุนและเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการไทย |
|
|
|
|
|
|
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK พบปะหารือนางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) ถึงแนวทางขยายความร่วมมือเพื่อสนับสนุนและเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้แก่ผู้ประกอบการไทย ณ SME D Bank เมื่อเร็ว ๆ นี้ |
|
|
|
|
|
EXIM BANK เยี่ยมชมศูนย์สาธิตและพัฒนาเด็กที่ใช้ประสาทหูเทียมแห่งแรกของประเทศไทย
พร้อมสนับสนุนมูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวก ในพระบรมราชินูปถัมภ์ |
|
|
|
|
|
|
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK มอบเงินบริจาค คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่ใช้งานแล้วสภาพดี จำนวน 10 เครื่อง และของเล่นสำหรับเด็กทารกและเด็กก่อนวัยเรียน ซึ่งผู้บริหารและพนักงาน EXIM BANK ร่วมกันบริจาค ในกิจกรรมเพื่อสังคม “EXIM 1 ปันสุข...ให้น้องได้ยินเสียง” โดยมีนายศุขสนั่น โชติกเสถียร ประธานกรรมการมูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวก ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เป็นผู้รับมอบ ในโอกาสเดินทางไปเยี่ยมชมศูนย์สาธิตและพัฒนาเด็กที่ใช้ประสาทหูเทียมแห่งแรกของประเทศไทย ณ มูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวก ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เมื่อเร็ว ๆ นี้ |
|
|
|
|
|
EXIM BANK ร่วมให้บริการ Call Center ศูนย์ประสานงานข้อมูล “หมอพร้อม” |
|
|
|
|
|
|
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ร่วมรับโทรศัพท์ ณ Call Center ศูนย์ประสานงานข้อมูล “หมอพร้อม” ที่กระทรวงสาธารณสุขประสานงานขอความร่วมมือผ่านทางสมาคมสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ในการสนับสนุนพนักงานปฏิบัติหน้าที่ให้บริการข้อมูลแก่ประชาชนที่พบปัญหาในการจองฉีดวัคซีน COVID-19 ผ่าน Line Official และ Application “หมอพร้อม” ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้ EXIM BANK ร่วมปฏิบัติหน้าที่ Call Center “หมอพร้อม” จำนวน 5 คู่สาย ตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน 2564 |
|
|
|
|