องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization of the United Nations : FAO) แนะนำ
“แมลง” เป็นแหล่งอาหารทางเลือกใหม่ของโลกที่ให้โภชนาการสูง ให้โปรตีน ไขมัน และวิตามิน สูงกว่าเนื้อวัว ใช้พื้นที่และการลงทุนที่น้อยกว่า ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นต้นเหตุของปัญหาโลกร้อนได้อีกด้วย โดยแมลงที่นำมาบริโภคได้อย่างปลอดภัยทั้งโลกมีมากกว่า 2,000 สายพันธุ์ ด้วยความสนใจที่อยากมีธุรกิจส่งออกเป็นของตัวเองที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
คุณสุวิมล จันทจร กรรมการผู้จัดการ บริษัท คามิสุ เอ็นโต โปรดักส์ จำกัด หันมาศึกษาเรื่องแมลงที่กินได้อย่างจริงจังเพื่อที่จะทำเป็นธุรกิจและลงตัวที่การเพาะเลี้ยงและแปรรูปจิ้งหรีดในชื่อฟาร์มสยามบั๊กส์
จุดเริ่มต้นของฟาร์มสยามบั๊กส์
เดิมคุณสุวิมลทำธุรกิจนำเข้าอุปกรณ์เครนที่ใช้สำหรับติดท้ายรถบรรทุก จึงเดินทางไปต่างประเทศบ่อยและมองหาธุรกิจใหม่ไปด้วย วันหนึ่งเดินทางไปแทนซาเนีย ขณะที่กำลังนั่งทานข้าวที่โรงแรมเห็นว่ามีแมลงบินไปเกาะแขนนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันแล้วเขาร้องว่ากลัว จึงเดินไปจับแมลงออกให้แล้วพลิกดูพบว่าเป็นแมงกุดจี่จึงบอกว่าแมลงนี้ไม่มีอันตรายและกินได้ด้วย จึงคุยเรื่องแมลงกันและได้จุดประกายให้เธอคิดเรื่องการทำฟาร์มเลี้ยงแมลงเพื่อส่งออก
หลังจากนั้นคุณสุวิมลมุ่งมั่นหาข้อมูลการเลี้ยงแมลงและพบว่าต่างชาติสนับสนุนให้บริโภคแมลงเป็นโปรตีนทางเลือก จัดให้อยู่ในกลุ่ม
“อาหารแห่งอนาคต (Future Food)” เพราะแมลงเป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่ายให้โปรตีนสูงและตลอดวงจรชีวิตไม่สร้างมลภาวะเลย ไม่มีการใช้ยาเร่งโต ไม่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก กินอาหารและน้ำน้อยมาก โดยการเลี้ยงแมลงเชิงพาณิชย์ในประเทศไทยมีหนอนนก จิ้งหรีด ตั๊กแตน แม้ตั๊กแตนจะเป็นแมลงที่ให้โปรตีนสูงสุด แต่เป็นศัตรูพืชที่จะต้องเลี้ยงในระบบปิดอย่างเข้มงวด หากหลุดออกไปในระบบนิเวศจะเกิดปัญหาเพราะตั๊กแตนจะไปทำลายพืชไร่ที่อยู่ในบริเวณโดยรอบ ในขณะที่จิ้งหรีดควบคุมการเลี้ยงง่ายกว่า จึงเป็นที่มาของ
ฟาร์มเพาะเลี้ยงจิ้งหรีดสยามบั๊กส์ ที่พัทยา จังหวัดชลบุรี
เคล็ดลับการเลี้ยงจิ้งหรีด
คุณสุวิมลเล่าว่า ได้เลี้ยงจิ้งหรีดแบบครบวงจรคือ เลี้ยง เก็บเกี่ยว และแปรรูปในระบบปิดทั้งหมด ช่วงเริ่มต้นเลี้ยงจิ้งหรีดเต็มที่คิดว่าจะได้ผลผลิต 1 ตันแต่เลี้ยงออกมาได้ผลผลิตเพียง 1 กิโลกรัม เพราะเรายังไม่เข้าใจธรรมชาติของจิ้งหรีด แต่ก็ไม่ท้อ รอบที่ 2 ก็ได้ผลผลิต 2 กิโลกรัม ก็ต้องหาเหตุผลแล้วว่าทำไม เราก็ไปขอดูฟาร์มอื่นที่เขาเลี้ยงอยู่แต่ก็ไม่มีใครให้ดู จนวันหนึ่งมีคนใจดียอมให้เราเข้าไปดูฟาร์มของเขา ก็เลยได้ความรู้เพิ่มเติมว่า การเลี้ยงจิ้งหรีดเหมือนจะง่ายแต่ไม่ง่าย ต้องมีระบบถ่ายเทอากาศดี การจัดเรียงถาดไข่ที่จะเป็นบ้านต้องเรียงให้เรียบร้อย จิ้งหรีดให้ผลผลิตดีในช่วงหน้าฝน หน้าหนาวได้ผลผลิตต่ำ อุณหภูมิและอากาศมีผลต่อการเติบโตและวางไข่ ใช้เวลาเลี้ยงมาปีกว่าจึงรู้จักนิสัยจิ้งหรีด หลังจากนั้นก็สามารถเพิ่มผลผลิตได้ตามต้องการ
“ขั้นตอนการเลี้ยง ไม่มีการทรมานสัตว์ แม้จิ้งหรีดจะเป็นสิ่งมีชีวิตแต่มีวงจรชีวิตสั้นไม่เกิน 50 วัน หากไม่เก็บเกี่ยวจิ้งหรีดก็จะตายอยู่ดี เราจะเก็บเกี่ยวในช่วงวงจรชีวิตสุดท้ายของแมลง วิธีการเก็บเกี่ยวคือทำให้หลับทันทีโดยน็อกด้วยความเย็น ซึ่งกรีนพีชมีการแนะนำว่าให้น็อกด้วยห้องเย็น หรือน็อกด้วยคาร์บอนไดออกไซค์ หากไม่สามารถทำอย่างรวดเร็วแมลงจะหลั่งสาร “ฮิสตามีน” ซึ่งเป็นสารที่ก่อภูมิแพ้ โดยเราจะทดสอบคุณภาพทุกครั้งที่เก็บเกี่ยว นำตัวอย่างไปตรวจที่เซ็นทรัลแล็บและสถาบันอาหาร” คุณสุวิมลกล่าว
จากจิ้งหรีดสู่ผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือก
การบริโภคจิ้งหรีดในประเทศไทยมีทั้งการกินสดและแปรรูป ซึ่งคุณสุวิมลพบว่า จิ้งหรีดที่มีการขายในท้องตลาดที่นำมาบริโภคเป็นแมลงทอดนั้น มีราคากิโลกรัมละ 100-150 บาท แต่เมื่อนำมาทำเป็นผงแป้งจิ้งหรีดจะขายได้กิโลกรัมละ 1,500-1,800 บาท หากนำเอาไปแปรรูปเป็นอาหารชนิดต่าง ๆ ก็สามารถเพิ่มราคาได้อีก ซึ่งการผลิตแป้งจิ้งหรีดนั้นจะใช้จิ้งหรีด 4 กิโลกรัมผลิตเป็นแป้งได้ 1 กิโลกรัม แป้งจิ้งหรีดจะถูกนำไปทำเป็นอาหารทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ปัจจุบันฟาร์มสยามบั๊กส์สามารถผลิตจิ้งหรีดได้ 4.5 ตันต่อ 50 วัน ซึ่งเป็นรอบอายุของจิ้งหรีด
เพื่อให้จิ้งหรีดเป็นสินค้าส่งออกได้ คุณสุวิมลจึงพยายามควบคุมคุณภาพให้เป็นไปตามการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (Good Agricultural Practices : GAP) จนได้ผลผลิตที่มีคุณภาพดีและปลอดภัยตามมาตรฐานที่กำหนด โดยกระบวนการผลิตจะต้องปลอดภัยต่อเกษตรกรและผู้บริโภค ปราศจากการปนเปื้อนของสารเคมี ไม่ทำให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม มีการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ได้ผลผลิตสูงคุ้มค่าการลงทุน และเตรียมขอเครื่องหมาย อย. อีกด้วย
“ผงโปรตีนจิ้งหรีดมีกรรมวิธีทำได้หลายอย่าง ให้ชงน้ำละลายเหมือนคอลลาเจน ตอนนี้ทำได้ใกล้เคียงแต่ยังต้องพัฒนาต่อไปอีก สินค้านี้เหมาะกับคนปกติทั่วไปที่ต้องการโปรตีน และเป็นทางเลือกให้กับคนป่วย คนที่แพ้นม ผู้ป่วยที่มีปัญหาในระบบย่อยอาหาร จากการนำไปทดสอบในห้องปฎิบัติการพบว่า มีโอเมก้า 3, 6, 9 แคลเซียมสูง มีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย ปัจจุบันเราได้นำเอาผงแป้งจิ้งหรีดไปผลิตเป็นนมอัดเม็ด ขนมบราวนี่ คุกกี้ ก็ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากพอสมควร” คุณสุวิมลกล่าว
รวมกลุ่มพาวเวอร์บั๊กส์เพื่อส่งออก
หลังจากมีผลผลิต เราก็เริ่มทำการตลาด ขณะนี้มีต่างประเทศสนใจจะนำเข้าผงแป้งจิ้งหรีดไปจำหน่ายหลายประเทศ เช่น ยุโรป เม็กซิโก บราซิล แต่ที่ติดต่อเข้ามามากที่สุดคือญี่ปุ่น การส่งออกขณะนี้ทำได้ในระดับตู้คอนเทนเนอร์เพราะกำลังการผลิตเรามีจำกัด จึงเริ่มคิดว่าจะทำอย่างไรจะขยายการส่งออกได้มากขึ้นและช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงแมลงในประเทศไทยที่มีอยู่ราว 20,000 ฟาร์มทั่วประเทศ จึงได้ร่วมกับ 3 ฟาร์มใหญ่คือ เปี่ยมสุขฟาร์ม ชัยนานา รณพีร์ฟาร์ม และสยามบั๊กส์ฟาร์ม ตั้งกลุ่ม “พาวเวอร์บั๊กส์” ขึ้นมา เพื่อตั้งศูนย์การเรียนรู้ด้านการเลี้ยงแมลงขึ้นมาถ่ายทอดความรู้และส่งเสริมอาชีพให้ โดยสยามบั๊กส์ตั้งฟาร์มอยู่ที่จังหวัดชลบุรี ใกล้กับท่าเรือแหลมฉบังและสนามบินอู่ตะเภา จึงอยากจะเป็นศูนย์กลางการส่งออกแมลง การรวมตัวกันจะทำให้เกิดพลัง หากมีออเดอร์สินค้าจากต่างประเทศแล้วเราผลิตไม่พอก็สามารถส่งต่อออเดอร์ให้กับฟาร์มในเครือข่ายได้ ขณะนี้มีลูกค้าติดต่อซื้อผงแป้งจิ้งหรีดเดือนละ 1 ตันทุกเดือน ซึ่งผลผลิตของเรามีไม่พอ ก็ต้องรวมกลุ่มพึ่งพากันทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในธุรกิจ ช่วยกันให้เติบโตเพราะบางฟาร์มอาจจะไม่ถนัดในการติดต่อสื่อสารกับต่างประเทศ ในอนาคตอาจจะต้องทำคอนแท็กซ์ฟาร์มมิ่งกับเกษตรกรผู้เลี้ยงจิ้งหรีด หากธุรกิจเติบโตเข้มแข็งได้อย่างยั่งยืน
ผลกระทบจาก COVID-19
แม้หลายธุรกิจจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 แต่บริษัท คามิสุ เอ็นโต โปรดักส์ จำกัด กลับโตสวนกระแส แถมต้องเพิ่มกำลังการผลิตเป็นเท่าตัวเพราะมีคำสั่งซื้อเพิ่มในรูปของขนมและอาหารแปรรูปจากผงแป้งจิ้งหรีด นอกจากนี้มีออเดอร์สั่งซื้อจิ้งหรีดอบแห้งและจิ้งหรีดสดจากกลุ่มจำหน่ายอาหารสัตว์ ซึ่งคุณสุวิมลกล่าวว่า เมื่อตลาดต่างประเทศลดลงก็ต้องหาตลาดในประเทศทดแทน ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่หลังจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ลดลงก็ต้องวางแผนการผลิตให้ดี และคุยกับเครือข่ายให้มากขึ้นเพื่อให้ไม่มีปัญหาวัตถุดิบในการป้อนตลาด
การสนับสนุนจาก EXIM BANK
คุณสุวิมลกล่าวว่า ได้รับคำแนะนำและความช่วยเหลือทางด้านการส่งออกจาก EXIM BANK ที่เป็นประโยชน์ในหลาย ๆ ด้าน ธนาคารให้คำปรึกษาด้านกฎหมายการส่งออกของประเทศที่เราค้าขายด้วย ช่วยประสานงานทั้งเรื่องของการจ่ายเงิน วิธีการจ่ายเงิน แนะนำให้รู้จักกับวิธีการลดความเสี่ยงเรื่องการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน นอกจากนี้ยังช่วยเช็กเครดิตของคู่ค้าเราว่ามีตัวตนจริงไหมและมีการทำธุรกิจนำเข้า-ส่งออกมีฐานะอย่างไรเชื่อถือได้หรือไม่ ทำให้ลดความเสี่ยงในการส่งออกได้มาก และสิ่งที่เป็นประโยชน์มากในการทำธุรกิจคือ ช่วยจับคู่ธุรกิจ แนะนำให้รู้จักกับเจ้าของกิจการอื่น ซึ่งเป็นลูกค้าของ EXIM BANK เหมือนกัน สำหรับผู้ส่งออกมือใหม่ที่เริ่มต้นและยังไม่รู้จะปรึกษาใครขอให้นึกถึง EXIM BANK เป็นอันดับแรก จะช่วยให้การส่งออกง่ายขึ้นมากและตอบโจทย์ธุรกิจอย่างแท้จริง