EXIM BANK เปิดบริการใหม่ “บริการทางการเงินสำหรับผู้ให้บริการการส่งออก (Service Providers for Exports)” มุ่งยกระดับบริการคลังสินค้าและขนส่งสินค้าระหว่างประเทศของผู้ประกอบการไทยให้ได้มาตรฐานสากล รองรับการเติบโตของภาคส่งออกไทยในระยะยาว ดร.อภิชัย บุญธีรวร กรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า ในระยะยาวผู้ส่งออกไทยต้องชูจุดขายด้านคุณภาพสินค้าและราคาที่แข่งขันได้กับผู้ผลิตรายอื่นในเวทีการค้าระหว่างประเทศ EXIM BANK จึงริเริ่มให้มี “บริการทางการเงินสำหรับผู้ให้บริการการส่งออก (Service Providers for Exports)” เพื่อพัฒนาศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่มีส่วนสนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ส่งออกไทย ตั้งแต่การจัดการด้านวัตถุดิบ การผลิต การตลาด การขนส่ง และการกระจายสินค้าจนเสร็จสิ้นกระบวนการส่งออก เพื่อช่วยให้ผู้ส่งออกสามารถกำหนดราคาสินค้าที่แข่งขันได้ในตลาดโลกอันเป็นผลมาจากต้นทุนการผลิตและขนส่งที่ลดลง รวมทั้งหันมาพัฒนาคุณภาพสินค้าส่งออกอย่างจริงจังบริการใหม่นี้ประกอบด้วย 1) บริการสินเชื่อสำหรับผู้ให้บริการ Logistics เป็นวงเงินเพื่อใช้ในการขยายหรือปรับปรุงการให้บริการของผู้ประกอบการไทยในด้านคลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้า ตลอดจนผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (Freight Forwarder) 2) บริการสินเชื่อเพื่อพัฒนาห้องปฏิบัติการตรวจสอบและวิเคราะห์คุณภาพสินค้าส่งออก เป็นวงเงินกู้ระยะกลาง-ยาวเพื่อให้โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ผลิตสินค้าเพื่อส่งออกนำไปใช้ขยายหรือปรับปรุงประสิทธิภาพของห้องปฏิบัติการตรวจสอบและวิเคราะห์คุณภาพสินค้าของตนเอง รวมทั้งห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ทางจุลชีววิทยาในโรงงานหรือบริษัทผลิตสินค้าอาหารและเกษตรสำหรับส่งออก ทั้งนี้ เพื่อช่วยผู้ประกอบการไทยลดต้นทุนการผลิตและขนส่งสินค้าส่งออกควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพสินค้าส่งออกไทยให้แข่งขันได้ในต่างประเทศในโอกาสนี้ กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับนายโกวิท ธัญญรัตตกุล นายกสมาคมตัวแทนขนส่งสินค้าทางอากาศไทย (Thai Airfreight Forwarders Association: TAFA) และนายสุวิทย์ รัตนจินดา นายกสมาคมผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (Thai International Freight Forwarders Association: TIFFA) เพื่อพัฒนาศักยภาพของธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ ทางเรือ และทางบกของไทยให้แข่งขันกับบริษัทต่างชาติได้ ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2550 ความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศและยกระดับมาตรฐานการให้บริการธุรกิจ Logistics ของไทยให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและครบวงจรมากยิ่งขึ้น อันจะช่วยลดการสูญเสียเงินตราต่างประเทศของไทยและพัฒนาภาคส่งออกไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในระยะยาว