EXIM E-NEWS ฉบับนี้จะพาไปพูดคุยกับผู้ผลิตและส่งออกบรรจุภัณฑ์พลาสติกคงรูป ที่สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้และเป็นมิตร
กับสิ่งแวดล้อม โดยได้รับเกียรติจากคุณวรพงษ์ วุฒิพฤกษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน บริษัท พลาสติค และหีบห่อไทย
จำกัด (มหาชน) (TPAC)
มาบอกเล่าเกี่ยวกับแนวทางในการดำเนินธุรกิจการวางรากฐานให้พร้อมรองรับกับความต้องการของลูกค้า
รองรับการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม และพร้อมที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

จุดเริ่มต้นของการประกอบธุรกิจ
          TPAC ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2526 จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (MAI) ตั้งแต่ปี 2548 ดำเนินธุรกิจในกลุ่มอาหารและ
เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลและเวชภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือนตลอดจนเครื่องมืออุตสาหกรรม ตลอดระยะเวลา 35 ปี
ในอุตสาหกรรม TPAC ตระหนักถึงความต้องการของลูกค้าในผลิตภัณฑ์ประเภทขวดพลาสติก ถ้วย ฝา หรือภาชนะบรรจุภัณฑ์อื่นๆ
จึงได้ให้บริการครบวงจร เริ่มตั้งแต่ออกแบบผลิตภัณฑ์ โดยคำนึงถึงความสวยงามสอดคล้องกับสินค้า การใช้วัตถุดิบอย่างประหยัด
มีคุณสมบัติการใช้งานที่เหมาะสม และมีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมเรียกว่า TPAC Solution

จุดเด่นของธุรกิจ
          คู่ค้าเป็นผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำระดับโลกและระดับท้องถิ่น ด้วยประสบการณ์อันยาวนานในอุตสาหกรรม TPAC
เป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) ระดับโลกและที่ทำธุรกิจในท้องถิ่นเป็นระยะเวลายาวนาน ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่ง
ที่จะสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืน บรรจุภัณฑ์หมวดอาหารและเครื่องดื่มมีสัดส่วนประมาณ 65% หมวดผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน
และอุตสาหกรรม 16% และหมวดเวชภัณฑ์ยาและเครื่องใช้ส่วนตัว 19%

          มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์พลาสติกที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ (Recyclable) ด้วยวิสัยการบริหารงานของ TPAC ยึดถือคุณภาพ
ลูกค้า และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นพันธกิจสำคัญ วัสดุที่นำมาใช้ในการผลิตสินค้าเป็นพลาสติกคงรูปและพลาสติกชั้นเดียว (Rigid
Monolayer Plastic Packaging) ซึ่งสามารถนำมารีไซเคิลได้ (Recyclable)

          พร้อมรองรับความต้องการของลูกค้าในตลาดเกิดใหม่ในเอเชียที่มีศักยภาพและความต้องการสูง TPAC ขยายเข้าไป
ในตลาดเกิดใหม่ที่มีศักยภาพ มีอัตราการเติบโตสูงและมีความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกสูง ปัจจุบัน TPAC มีฐานการผลิต 11 แห่ง
ประกอบด้วย 4 โรงงานในไทย 6 โรงงานในอินเดีย และ 1 โรงงานในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สัดส่วนรายได้ราว 50% มาจากประเทศอินเดีย
44% จากประเทศไทย และอีกประมาณ 6% มาจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดย TPAC ได้ผ่านมาตรฐาน Food Safety Standards
(FSSC 22000)

          นอกจากนี้ บริษัทได้พัฒนาระบบ ERP เชื่อมโยงข้อมูลในประเทศไทย อินเดีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อให้การจัดการข้อมูล
เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง แม่นยำ รวมทั้งมีการบริหารจัดการทางการเงินอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยง

          สำหรับการพัฒนากระบวนการผลิต มีการนำเทคโนโลยีการออกแบบและเครื่องจักรบางส่วนที่ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์
มาใช้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจรและหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบกระบวนการผลิต ทำให้บริษัท
สามารถควบคุมคุณภาพของสินค้าได้

อุปสรรคและความท้าทายในการทำธุรกิจระหว่างประเทศ
          ด้วยเจตนารมณ์ที่จะสร้างความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม TPAC มุ่งเน้นผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่สามารถนำกลับมา
ใช้ใหม่ได้ ซึ่งสอดรับกับกระแสการรณรงค์ให้ผู้บริโภคมุ่งเน้นการใช้พลาสติกที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ นอกจากนี้ เนื่องจากพลาสติก
เป็นสินค้าที่มีน้ำหนักเบา ไม่เหมาะสมที่จะขนส่งในระยะไกล เพราะจะกระทบต่อต้นทุน การขยายการผลิตเข้าไปในประเทศอินเดียและ
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จึงตอบโจทย์เรื่องการขนส่ง ส่วนปัญหาเรื่องความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน บริษัทใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยง
มาโดยตลอด โดยมีทีมงานที่สามารถบริหารจัดการปัญหาเรื่องค่าเงิน

กุญแจสู่ความสำเร็จในวันนี้
          เรามุ่งเน้นการผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการใช้ของอุตสาหกรรมควบคูไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม เรามุ่งผลิตสินค้าที่เป็น
Rigid Plastic และ Monolayer Plastic ซึ่งสามารถนำไปรีไซเคิลได้

          เราพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนขยายการลงทุนไปในตลาดใหม่ เลือกประเทศที่เข้าไปลงทุนหรือขยายกิจการ โดยมองศักยภาพ
การเติบโตของตลาดที่จะเข้าไปลงทุนเป็นหลัก โดยมุ่งเน้นตลาดเกิดใหม่ที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว
ในแต่ละครั้งที่จะเข้าไปซื้อกิจการ

          เราเลือกลงทุนในกิจการที่มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ มีทีมบริหารที่ดี มีงบการเงินที่เข็งแรง และมีความพร้อมที่จะพัฒนาและ
ขยายตัว

การสนับสนุนของ EXIM BANK
          EXIM BANK ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ TPAC ทั้งเงินทุนหมุนเวียนและตั๋วสัญญาใช้เงิน เป็นการสนับสนุนและส่งเสริม
การทำธุรกิจส่งออกเป็นอย่างมาก ในอนาคตผมมองว่า อีกสิ่งหนึ่งที่ EXIM BANK มีศักยภาพและจะสามารถช่วยผู้ประกอบการได้คือ
การจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) รวมทั้งการให้ข้อมูลเกี่ยวกับตลาดในต่างประเทศที่เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่มองหาตลาดใหม่ๆ

ฝากถึงผู้ประกอบการและผู้สนใจเริ่มต้นธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ
          การรักษามาตรฐานและคุณภาพของสินค้า ควบคู่กับความซื่อสัตย์และการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับคู่ค้าเป็นปัจจัยที่ทำให้
เกิดความเชื่อใจและสามารถดำเนินธุรกิจร่วมกันได้อย่างยั่งยืน

  หน้าหลัก   I   บทความพิเศษ   I   Share โลกเศรษฐกิจ   I   เปิดประตูสู่ตลาดใหม่   I   รู้ทันเกมการค้า
เกร็ดการเงินระหว่างประเทศ   I   CEO Talk   I   แวดวงคู่ค้า   I   แนะนำบริการ   I   สรุปข่าว